.
เปิดยุทธศาสตร์ 'โมดี -ปูติน- ปั้นเส้นทางเดินเรือตอนเหนือ' NSR เชื่อมขุมทรัพย์อาร์กติกสู่ฐานอุตสาหกรรมพลังงานยุคถัดไป
23-12-2025
RT รายงานว่า อินเดียกำลังเปิดหน้ากลยุทธ์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาร์กติก โดยมีรัสเซียเป็นพันธมิตรหลัก ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การมีส่วนร่วมของนิวเดลีในเขตอาร์กติกจำกัดอยู่เพียงในเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น การศึกษาภูมิอากาศ การสำรวจธารน้ำแข็ง และภารกิจขั้วโลก แต่การประชุมสุดยอดระหว่างนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนเชิงคุณภาพที่สำคัญ
แถลงการณ์ร่วมระหว่างสองผู้นำสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน อินเดียกำลังก้าวไปสู่การผลักดันให้อาร์กติกเป็น “สมรภูมิทางเศรษฐกิจ” ใหม่ ด้วยการขยายความร่วมมือหลากหลายมิติผ่านเส้นทางทะเลเหนือ (Northern Sea Route – NSR) เสริมการค้าและการลงทุนในเขตรัสเซียตะวันออกไกล (Russian Far East) และอาร์กติก รวมถึงจัดการปรึกษาทวิภาคีอย่างต่อเนื่องในประเด็นอาร์กติก แสดงถึงท่าทีใหม่ที่อินเดียไม่ได้มองภูมิภาคขั้วโลกเป็นแค่พื้นที่ห่างไกลทางภูมิศาสตร์อีกต่อไป หากแต่เป็น “ระเบียงอุตสาหกรรม” ที่นิวเดลีต้องการมีบทบาทกำหนดกติกา มากกว่าการเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์
อาร์กติก: แนวรบพลังงานที่สามของอินเดีย
ยุทธศาสตร์มุ่งหน้าอาร์กติก (Arctic pivot) ของอินเดียเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน โดยอินเดียตั้งเป้าขยายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานที่ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิลให้ถึง 500 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 จากปัจจุบันที่ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 220 กิกะวัตต์ภายในปี 2025 การกระจายความเสี่ยงด้านพลังงานไปทั่วภูมิภาคตั้งแต่ ออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา ไปจนถึงแอฟริกา ช่วยลดแต่ยังไม่ขจัดความเสี่ยงด้านแหล่งขนส่งที่พึ่งพาคอคอดอย่างสุเอซ-ทะเลแดงได้อย่างสมบูรณ์
ในบริบทนี้ อาร์กติกจึงกลายเป็น “แกนเหนือ” ลำดับที่สามในการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์พลังงานของอินเดีย ต่อจากเส้นทางอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific) และโครงการขนส่งระหว่างประเทศเหนือ-ใต้ (International North–South Transport Corridor – INSTC) ซึ่งในระยะยาวจะสนับสนุนทั้งพลังงานเชื้อเพลิงและระบบโลจิสติกส์ด้านแร่ธาตุสำคัญ (critical minerals) ที่เป็นหัวใจของการลดการปล่อยคาร์บอน
แถลงการณ์ร่วมระบุการค้าทวิภาคีที่ “เกิดผลและเป็นประโยชน์ร่วม” ในสินทรัพย์แร่และพลังงาน รวมถึงแร่มีค่าหายาก ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเสาหลักของความมั่นคงด้านอุตสาหกรรมและโซ่อุปทานระดับชาติ อินเดียและรัสเซียยังตกลงเร่งความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในเขตรัสเซียตะวันออกไกลและอาร์กติก ผ่านกรอบแผนปี 2024–2029 ครอบคลุมพลังงาน การทำเหมือง แรงงาน และการขนส่งทางทะเล
เมื่อรวมกัน ความตกลงเหล่านี้วางเส้นทาง NSR ให้มีความหมายใหม่ ไม่ใช่เพียง “เส้นทางขนส่งน้ำมัน” แต่คือ “ระเบียงแร่ธาตุเหนือ” ที่เชื่อมทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ของรัสเซียกับฐานอุตสาหกรรมของอินเดีย
พลังงานสะอาดกับการสร้างความยืดหยุ่นเชิงยุทธศาสตร์
อินเดียพึ่งพาการนำเข้าเกือบ 100% สำหรับแร่ธาตุสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เช่น ลิเทียม โคบอลต์ และนิกเกิล ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นหลายเท่าภายในปี 2030 จากการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบเก็บพลังงาน และโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์ การบูรณาการความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญในกรอบการทำเหมือง การแปรรูป และเทคโนโลยีรีไซเคิลร่วมกับโครงสร้างโลจิสติกส์อาร์กติกและรัสเซียตะวันออกไกล ช่วยให้อินเดียมี “ทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์” ในการกระจายความเสี่ยงด้านพลังงานสะอาด
การพัฒนาเส้นทางเหนือเหล่านี้ไม่ได้แทนที่เส้นทางเดิมจากภูมิภาคใต้ แต่เป็นการเสริมชั้นความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานแบบ “อินโด-อาร์กติก” ที่จะช่วยลดความผันผวนของราคาและความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของอินเดียในอนาคต
การสร้างกำลังคนสำหรับเศรษฐกิจขั้วโลก
อีกมิติที่สำคัญแต่ไม่ค่อยถูกพูดถึงคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อินเดียและรัสเซียตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านการฝึกอบรมบุคลากรเฉพาะทางสำหรับการทำงานในน่านน้ำขั้วโลก และขยายความร่วมมือในภาคการเดินเรือและต่อเรือ อินเดียในปัจจุบันเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกแรงงานเดินเรือรายใหญ่ของโลก โดยสำนักงานเดินเรือ (Directorate General of Shipping) รายงานจำนวนนายและลูกเรืออินเดียในเรือพาณิชย์ต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การเร่งพัฒนาทักษะเฉพาะทาง เช่น การนำทางในน้ำแข็ง วิศวกรรมเรือสำหรับเขตหนาว และการจัดการท่าเรือในภูมิอากาศรุนแรง จะช่วยให้อินเดียครองตำแหน่งผู้นำตลาดแรงงานเฉพาะทางในอนาคต
แนวทางดังกล่าวยังสร้าง “อำนาจละเมียด” (soft leverage) อินเดียในฐานะผู้จัดหาบุคลากรเฉพาะทางที่ทำให้เส้นทางเศรษฐกิจสำคัญอย่าง NSR ดำเนินต่อไปได้ ย่อมมีอิทธิพลโดยอ้อมต่อมาตรฐานด้านความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความโปร่งใสของการดำเนินงานตามแนวคิดพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ประเทศยึดถือ
บทบาทใหม่ของอินเดียในระเบียบอาร์กติก
อินเดียยังยกระดับจากผู้สังเกตการณ์สู่ “ผู้กำหนดกติกา” ผ่านการสร้างช่องทางการปรึกษาทางการทูตสองฝ่ายกับรัสเซียในประเด็นอาร์กติก และมีส่วนร่วมใน International Arctic Forum โดยตรง ซึ่งยิ่งมีความสำคัญในช่วงที่การทำงานของ Arctic Council ถูกจำกัดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นิวเดลีจึงสามารถสอดแทรกมุมมองของโลกใต้ (Global South) สู่กระบวนการกำหนดมาตรฐานใหม่ของการขนส่ง การค้นหา-กู้ภัย สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลเหมืองแร่ในพื้นที่ขั้วโลกเหนือ
นโยบายอาร์กติกของอินเดียปี 2022 มุ่งเชื่อมโยงกิจกรรมในขั้วโลกกับการวิจัยภูมิอากาศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนพื้นเมือง แนวทางใหม่นี้เมื่อผนวกกับกรอบความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญ จะช่วยให้อินเดียผลักดันแนวคิด “การเติบโตที่เป็นธรรมและโปร่งใส” ในการพัฒนาแหล่งทรัพยากรอาร์กติก ทั้งในเวที COP และ G20
อาร์กติกกับยุทธศาสตร์พลังงานระยะยาวของอินเดีย
เมื่อพิจารณาภาพรวม การประชุมสุดยอดรัสเซีย–อินเดียล่าสุด ได้วางอาร์กติกไว้ใจกลางยุทธศาสตร์พลังงานและอุตสาหกรรมระยะยาวของนิวเดลี อินโด–แปซิฟิกจะยังคงเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงทางทะเลและการขนส่งพลังงานฟอสซิล ส่วนโครงการ INSTC จะเชื่อมโยงทางบกระหว่างภูมิภาคยูเรเชีย แต่เส้นทาง “อินโด–อาร์กติก” จะเป็นพื้นที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจขั้วโลกแห่งอนาคต ที่ขับเคลื่อนด้วยแร่ธาตุสำคัญ พลังงานสะอาด และบริการทางเทคนิคเฉพาะทาง
หากอินเดียสามารถดำเนินตามยุทธศาสตร์นี้ได้สำเร็จ อาร์กติกอาจกลายเป็นแกนสำคัญที่ช่วยค้ำจุนเส้นทางสู่การลดการปล่อยคาร์บอน และเสริมสร้างอิสระเชิงยุทธศาสตร์ของอินเดียในโลกที่กำลังแตกแยกเป็นหลายขั้ว
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/india/629786-india-russia-arctic-cooperation/