ขอบคุณภาพจาก Daum
12/10/2024
ประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ และนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง ได้หารือเกี่ยวกับข้อตกลงการเดินทางทวิภาคีฉบับใหม่ ซึ่งจะอนุญาตให้พลเมืองของพวกเขาสามารถเดินทางระหว่างสองประเทศได้อย่างเสรีผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองฉบับใหม่
คิม แทฮโย รองผู้อำนวยการคนที่หนึ่งของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า ยุนและอิชิบะให้คำมั่นว่าจะเร่งหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการเดินทางฉบับดังกล่าว หลังในการแถลงข่าวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (2024) ยุนคาดการณ์ว่าจำนวนผู้คนที่เดินทางระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในปีนี้จะ "แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์" ทะลุ 10 ล้านคน
ขณะเดียวกัน คิมก็เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทั้งสองประเทศจะเริ่มโครงการวิจัยร่วมกันในสาขาไฮโดรเจน แอมโมเนีย และเทคโนโลยีควอนตัม
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (10 ต.ค.) ยุนได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่น ขณะประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN Summit) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งในการประชุมครั้งแรกกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 9 วันก่อนหน้า ผู้นำทั้งสองตกลงที่จะดำเนินการเจรจาทางการทูตต่อไป และจะรักษาการสื่อสารที่กระตือรือร้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันครบรอบ 60 ปีของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในปีหน้า (2025)
ก่อนการประชุมดังกล่าว สำนักงานของยุนคาดหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะส่งสัญญาณถึงการผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นให้ดีขึ้น ผ่านการพบปะกันที่บ่อยครั้งขึ้นระหว่างผู้นำ รวมถึงความสัมพันธ์ไตรภาคีระหว่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เนื่องจากโซลและโตเกียวพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียดมานานจากข้อพิพาททางประวัติศาสตร์และดินแดน
“หลังจากนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ผมหวังว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์เกาหลี-ญี่ปุ่นต่อไปผ่านการสื่อสารที่กระตือรือร้นและใกล้ชิดกับคุณ รวมถึงการทูตแบบแลกเปลี่ยน” ยุนกล่าวกับอิชิบะ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปี 2025 ที่เป็นวาระครบรอบ 60 ปีของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ฉันหวังว่าเราจะสามารถนำเสนอวิสัยทัศน์ที่สดใสสำหรับอนาคตของความสัมพันธ์ของเราได้ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนของเราสัมผัสได้ถึงความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ทวิภาคีของเรา”
ด้านอิชิบะระบุว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะในการดำเนินนโยบายการทูตแบบกระสวยอวกาศ (Shuttle Diplomacy หรือ การเดินทางไปเจรจาทางการทูตเพื่อคลี่คลายปัญหาหรือกรณีพิพาทโดยผู้ไกล่เกลี่ย) ต่อไป พร้อมระบุว่า “ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีความสำคัญต่อเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค ซึ่งผมตั้งใจที่จะสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญระหว่างทั้งสองประเทศของเราต่อไปตามที่ประธานาธิบดียุนและอดีตนายกรัฐมนตรีคิชิดะได้กำหนดไว้”
สำหรับการประชุมสุดยอดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรววงกลาโหมของโซลและโตเกียวได้โทรศัพท์หารือกัน ซึ่งทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับการกลาโหมในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ขณะที่ยุนได้พบกับฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 12 ครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 จนคิชิดะสิ้นวาระดำรงตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน สำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า ผู้นำทั้งสองไม่ได้หารือเกี่ยวกับความไม่พอใจในอดีต รวมถึงยังไม่ได้วางแผนสำหรับการพบกันครั้งต่อไปแต่อย่างใด
IMCT News