จีนได้ประกาศผลความสำเร็จทางการเงิน

ประเทศจีนได้ประกาศผลความสำเร็จทางการเงินในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 (ปี 2021–2025)
23-9-2025
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ประกาศผลความสำเร็จทางการเงินในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 (ปี 2021–2025) ซึ่งเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของระบบการเงิน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นวัตกรรมเชิงนโยบายและเชิงสถาบันมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงของระบบการเงินและการเปิดเสรีทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 ภาคการเงินของจีนได้บรรลุหมุดหมายใหม่หลายประการ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ทรัพย์สินรวมของภาคธนาคารในประเทศจีนมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 470 ล้านล้านหยวน (64.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งนับว่าใหญ่ที่สุดในโลก ตามคำกล่าวของ นายพาน กงเซิง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เมื่อวันจันทร์
คำแถลงนี้มีขึ้นในการแถลงข่าวที่จัดโดยสำนักงานข้อมูลข่าวสารคณะรัฐมนตรี (State Council Information Office) โดยในช่วงปลายของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 เจ้าหน้าที่ภาคการเงินของจีนได้เปิดเผยความสำเร็จสำคัญหลายประการภายใต้แผนดังกล่าว พร้อมทั้งกำหนดลำดับความสำคัญของนโยบายในอนาคต
นายพานยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนยังคงสูงที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นเวลา 20 ปี เขาย้ำว่าระบบการเงินของจีนโดยทั่วไปยังคงมั่นคง สถาบันการเงินส่วนใหญ่อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง และตลาดการเงินดำเนินการได้อย่างราบรื่น
ตั้งแต่เริ่มต้นแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 จีนสามารถรักษาทุนสำรองเงินตราต่างประเทศให้อยู่เหนือระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้อย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระดับมากกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตามคำกล่าวของ นายจู เหอซิน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งกล่าวว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และป้องกันประเทศจากแรงกระแทกภายนอก
การผลักดันให้เงินหยวนเป็นสากลมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาดังกล่าว โดยตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น สัดส่วนของบริษัทที่ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจาก 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 เป็นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สัดส่วนของเงินหยวนในการค้าข้ามพรมแดนเพิ่มจาก 16 เปอร์เซ็นต์เป็นเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ตามข้อมูลของนายจู
นายจ้าว ซีจวิน ประธานร่วมของสถาบันวิจัยตลาดทุนจีนแห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมิน ให้สัมภาษณ์กับ Global Times เมื่อวันจันทร์ว่า ภาคการเงินของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 14
“สินทรัพย์ของภาคธนาคาร ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ และมูลค่าตลาดหุ้นของจีน ขณะนี้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก ขณะที่ภาคการเงินมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถาบันที่หลากหลายมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย และคุณภาพโดยรวมที่ดีขึ้น” นายจ้าวกล่าว
พื้นฐานเชิงนโยบาย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความยืดหยุ่นดังกล่าวไม่เพียงต้องอาศัยการสนับสนุนเชิงนโยบายที่แม่นยำเท่านั้น แต่ยังต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของข้อได้เปรียบเชิงสถาบันด้วย
ตั้งแต่การประชุมของกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนกลางในเดือนกันยายน 2024 ธนาคารกลางจีน (PBC) ได้ออกมาตรการทางการเงินและนโยบายการเงินหลายชุดที่สอดคล้องกับคำสั่งจากส่วนกลาง ซึ่งช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับความคาดหวังของตลาด เสริมสร้างความเชื่อมั่น และสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการเติบโตเชิงคุณภาพสูง นายพานกล่าว
ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลทางการเงินอีกด้วย นายหลี่ หยุนเจ๋อ หัวหน้าสำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติ กล่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลได้นำระบบการกำกับดูแลตามระดับความเสี่ยงมาใช้ — ความเสี่ยงสูง ใช้มาตรการเข้มงวด; ความเสี่ยงต่ำ ใช้มาตรการผ่อนคลาย — เพื่อให้ทรัพยากรที่จำกัดของภาครัฐมุ่งเน้นไปยังพื้นที่สำคัญ โดยมีการยกระดับการกำกับดูแลสำหรับสถาบันหลัก 41 แห่ง ขณะเดียวกัน ได้มีการกระจายอำนาจการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยรายย่อย 112 แห่งไปยังหน่วยงานระดับท้องถิ่น
การบังคับใช้กฎหมายในช่วงแผนพัฒนาฯ ก็ได้รับการเสริมความเข้มแข็งอย่างมาก โดยหน่วยงานกำกับดูแลให้ความสำคัญกับการฉ้อโกงทางการเงินและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทางการเงิน พร้อมสร้างระบบที่ครอบคลุมในการรื้อถอน “ระบบนิเวศ” ของการปลอมแปลงข้อมูล นายอู๋ ชิ่ง ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (CSRC) กล่าว
คดีคุ้มครองนักลงทุนที่เป็นกรณีตัวอย่างหลายคดีได้สะท้อนแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน คดีตัวแทนครั้งแรก — บริษัทคังเหม่ย ฟาร์มาซูติคอล (Kangmei Pharmaceutical) — มีการจ่ายเงินชดเชยให้นักลงทุนประมาณ 2.46 พันล้านหยวน ส่วนในคดี Zijing Storage และ Zeda Yisheng มีการจ่ายเงินชดเชย 1.09 พันล้านหยวน และ 280 ล้านหยวน ตามลำดับ นายอู๋กล่าวว่าผลลัพธ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบการคุ้มครองนักลงทุน
อนาคตที่ยืดหยุ่น
เจ้าหน้าที่กล่าวในการแถลงข่าวว่า ความสำเร็จภายใต้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตคุณภาพสูงของตลาดการเงินจีนในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 15 (ปี 2026–2030)
สัญญาณของความเชื่อมั่นจากต่างประเทศเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ข้อมูลจากสำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศ (SAFE) ระบุว่า จีนมีเงินทุนสุทธิไหลเข้าข้ามพรมแดนจำนวน 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคม โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ภายในประเทศ รายงานจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (Institute of International Finance) ระบุว่า นักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้าสู่พอร์ตการลงทุนในตลาดเกิดใหม่เกือบ 45 พันล้านดอลลาร์ในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี โดยจีนได้รับส่วนแบ่งสูงสุด
นอกจากนี้ สถาบันการเงินต่างประเทศหลายแห่งได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับตลาดทุนจีนเมื่อไม่นานมานี้ โดยส่วนใหญ่แสดงมุมมองเชิงบวก
Goldman Sachs ได้ย้ำคำแนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" (Overweight) ในหุ้นจีนอีกครั้ง ขณะที่ Standard Chartered ยังคงคำแนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" เช่นเดียวกันในรายงาน Global Market Outlook สำหรับครึ่งหลังของปี 2025 ตามรายงานของ China Media Group
ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินต่างประเทศไม่เพียงแต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อประเทศจีน แต่ยังให้ความสำคัญกับภาคส่วนที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น การผลิตขั้นสูง (advanced manufacturing), นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการบริโภค ตามรายงานของสื่อ China Media Group
นวัตกรรมด้านนโยบายและสถาบันของจีนสะท้อนให้เห็นว่า การเปิดเสรีทางการเงินของประเทศ ไม่ใช่การลอกเลียนแบบโมเดลตะวันตก แต่เป็นกระบวนการสร้างความเชื่อมโยงที่ยืดหยุ่น (soft connectivity) การประสานงานเชิงสถาบัน และการเปิดเสรีในระดับสูง ซึ่งเป็นการนำเสนอ "ภูมิปัญญาจีน" สู่การกำกับดูแลทางการเงินระดับโลก นายจ้าวกล่าวกับ Global Times โดยชี้ว่า นวัตกรรมสถาบันทางการเงินหลายรูปแบบ ทั้งในและนอกประเทศ ได้กลายเป็นเสาหลักสำคัญที่สนับสนุนการพัฒนาของภาคการเงิน
ความยืดหยุ่นของระบบการเงินนี้มีรากฐานมาจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของจีน นายหวัง อี้เหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสหภาพยุโรป มหาวิทยาลัยเหรินหมินกล่าวว่า
"ในฐานะประเทศผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของผลผลิตทั่วโลก จีนจึงมีแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งต่อการพัฒนาทางการเงิน การเงินคือเส้นเลือดของเศรษฐกิจ และระบบการเงินจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจจริงมีความแข็งแกร่ง"
ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า นวัตกรรมเชิงนโยบายและข้อได้เปรียบเชิงสถาบันจะยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง
นายหวังย้ำว่า ความสอดประสานระหว่างฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง กับระบบการเงินที่ให้บริการต่อเศรษฐกิจจริง คือกุญแจสำคัญที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินจีน
"ความยืดหยุ่นที่สร้างขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะช่วยให้จีนขยายการลงทุนระยะยาว ดึงดูดนักลงทุนสถาบันมากขึ้น และเปิดเสรีทางการเงินในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพโดยรวมได้" นายจ้าวกล่าวเสริม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความยืดหยุ่นทางการเงินของจีนมีรากฐานจากเศรษฐกิจจริง ความได้เปรียบเชิงสถาบัน และความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 15 จีนจะเดินหน้าในการพัฒนาเชิงคุณภาพและการเปิดเสรีเชิงลึก เพื่อมอบ "ทางออกแบบจีน" สำหรับเสถียรภาพและการกำกับดูแลทางการเงินในระดับโลก
ที่มา The Global Times