อินเดีย-สหรัฐฯเสี่ยงเผชิญหน้าจีนชิงแร่หายากเมียนมา

อินเดีย-สหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญหน้าจีนในการช่วงชิงแร่หายากเมียนมา ท่ามกลางสงครามกลางเมือง
19-9-2025
SCMP รายงานว่า อินเดียและสหรัฐฯ กำลังสำรวจแนวทางเข้าถึงแร่หายาก (rare earths) ในเมียนมาโดยหวังลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีน แต่ต้องเผชิญอุปสรรคใหญ่จากสงครามกลางเมืองในเมียนมา, ข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์, กลุ่มกบฏ Kachin Independence Army (KIA) ที่ยึดพื้นที่หลักของแหล่งแร่ และกระแสกดดันจากจีนผู้มีบทบาทเหนือเศรษฐกิจเหมืองแร่ในภูมิภาคนี้โดยตรง.
กระทรวงเหมืองแร่ของอินเดียได้มอบหมายทั้งรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนให้ทดลองขอรับตัวอย่างแร่จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นทางเหนือเมียนมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการควบคุมของ KIA โดยมีทั้งการพบปะผู้แทน KIA และทดสอบตัวอย่างแร่เพื่อประเมินศักยภาพการสกัดและการส่งออก แหล่งแร่หลักอย่างเมือง Chipwi และ Pangwa ใกล้พรมแดนจีนตกอยู่ใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏตั้งแต่ปี 2021 ขณะที่อินเดียยังหารือกับรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อสำรวจแนวทางขุดแร่
ด้านสหรัฐฯ มีรายงานว่ารัฐบาลได้รับข้อเสนอร่วมลงทุนในเหมืองแร่จากทั้งฝ่ายรัฐบาลทหารและ KIA แม้ยังไม่ตัดสินใจเลือกสมการ เนื่องจากปัญหาสงคราม, ภาวะสิ่งแวดล้อม, และกระแสต่อต้านอิทธิพลจากจีน
แร่หายากมีความสำคัญสูงในยุคใหม่ เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรม EV, เทคโนโลยีไฮเทค, พลังงานหมุนเวียน, การทหาร, และเครื่องมือแพทย์ แต่ตลาดโลกถูกผูกขาดโดยจีนซึ่งควบคุมทั้งด้านการขุดและกระบวนการผลิตแม่เหล็กแร่หายากกว่า 90% ของกำลังผลิตโลก เฉพาะปี 2023 จีนยังนำเข้าและกลั่นแร่ดิบเกือบทั้งหมดที่ขุดจากเมียนมา. อย่างไรก็ดี แผนขุดแร่เมียนมายังเต็มไปด้วยความเสี่ยงสำคัญ
- ด้านภูมิรัฐศาสตร์: สงครามกลางเมืองทำให้เส้นทางการขนส่ง–สกัดแร๋เป็นไปได้ยาก KIA ยังไม่สามารถส่งออกทางใต้โดยผ่านพื้นที่ทหารเมียนมาได้โดยไม่มีข้อตกลงหยุดยิง
- ด้านสิ่งแวดล้อม: วิธีสกัดแร่หายากในเมียนมามักก่อให้เกิดมลพิษสูงและยังมีปัญหาโลจิสติกส์ในพื้นที่ห่างไกล
- ด้านจีน: จีนควบคุมกำลังผลิตทั้ง 'แร่ดิบ-แม่เหล็ก-ระบบกลั่น' และมีแรงบีบต่อคู่ค้าทุกฝ่าย หากอินเดีย/สหรัฐฯหาวิธีขุดแร่จากเมียนมาอาจเจอกระแสโต้หนักจากจีนและข้อตกลงใต้โต๊ะกับ KIA, รัฐบาลทหาร
ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิภาคชี้ว่า แม้อินเดียเดินหน้าเจรจาต่อกับ KIA หรือทางรัฐบาลทหาร แต่แนวโน้มการส่งออก/ตัดจีนออกจากห่วงโซ่แร่นี้ยังเป็นไปได้ยาก เพราะจีนไม่เพียงควบคุมเทคโนโลยีการกลั่น แต่ยังมีอิทธิพลทางการเงินกับผู้มีอำนาจในพื้นที่โดยตรง
อีกด้าน นักวิเคราะห์เตือนว่าการเข้าร่วมแผนขุดแร่หายากซึ่งไร้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม จะยิ่งส่งผลกระทบกับสุขภาพประชาชนในรัฐคะฉิ่นและสร้างแรงต้านในด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้น
สุดท้าย แผนใหญ่ของอินเดียและสหรัฐฯในเมียนมายังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งสภาพภูมิรัฐศาสตร์, เงื่อนไขโลจิสติกส์, กระแสต้านจากจีน, และปัญหาพันธมิตรกับกลุ่มกบฏ–รัฐบาลที่ขัดต่อมาตรฐานสากล
ข้อสังเกตวิเคราะห์
ความพยายามตัดจีนออกจากวงจรแร่หายากในเมียนมายังติด "กับดักสามทาง" คือความซับซ้อนในสงคราม พลวัตอิทธิพลจีน และความเสี่ยงต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งหมดนี้สะท้อนความท้าทายที่อาจทำให้แผนอินเดีย–สหรัฐฯเป็นเพียงยุทธศาสตร์ระยะสั้นที่ตั้งรับแรงเสียดทานระหว่างมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/week-asia/economics/article/3326004/why-plans-india-and-us-tap-myanmars-rare-earths-are-fraught-risks?module=top_story&pgtype=homepage