ทรัมป์ต้องการยึด ฐานทัพ Bagram ในอัฟกานิสถานกลับ

ทรัมป์ต้องการยึด ฐานทัพ Bagram ในอัฟกานิสถานกลับ หวังพลิกภาพพ่ายแพ้สู่ชัยชนะ เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ให้สหรัฐฯ
1-10-2025
RT รายงานว่า ทรัมป์ทวงคืนฐานทัพ Bagram หวังพลิกเกมกลับ อัฟกานิสถานย้ำ “ไม่ถอยแม้แต่นิ้วเดียว” ฐานทัพ Bagram ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงคาบูล (Kabul) ได้กลายเป็นหมุดหมายยุทธศาสตร์สำคัญในเรื่องราวของอัฟกานิสถาน (Afghanistan) ที่เชื่อมโยงทั้งความพ่ายแพ้และความทะเยอทะยานของมหาอำนาจ สหรัฐฯ (U.S.) โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เดินหน้าประกาศกลางเวทีร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) ว่าสหรัฐฯ กำลังพยายาม “ทวงคืน” ฐานทัพนี้ คืนจาก Taliban พร้อมโยงเหตุผลด้านยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ โดยชี้จุดแข็งของ Bagram ที่อยู่ห่างจากแหล่งผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของจีน (China) เพียงหนึ่งชั่วโมง
ทรัมป์ยังทวีตบน Truth Social ย้ำด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “หากอัฟกานิสถานไม่คืน Bagram Airbase ให้กับผู้ที่สร้างมันขึ้นมา คือสหรัฐอเมริกา (United States of America) แล้ว จะเกิดเรื่องเลวร้ายแน่นอน (BAD THINGS ARE GOING TO HAPPEN!!!)”
ท่าทีและการเคลื่อนไหวของทรัมป์ไม่ได้เป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น The Wall Street Journal รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มพูดคุยอย่างลับๆ กับ Taliban ในการหาทางหวนคืนสิทธิ์เข้าถึง Bagram เพื่อปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย โดยหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการหวนกลับสู่เวทีอัฟกานิสถานของวอชิงตันหลังถอนตัวแบบโกลาหลในปี 2021
Bagram ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญตั้งแต่ยุคสงครามเย็น สหภาพโซเวียต (Soviet Union) เป็นผู้สร้างฐานนี้ขึ้นในยุค 1950s โดยได้รับความร่วมมือจากสหรัฐฯ ในตอนแรก ต่อมาเป็นศูนย์บัญชาการรบหลักในยุคโซเวียตคุมอัฟกานิสถานระหว่างปี 1979-1989 จากนั้นกลุ่ม Taliban ยึดครองก่อนเสียให้กับกองทัพอเมริกันเมื่อปี 2001
ตลอดสองทศวรรษ สหรัฐฯ ทุ่มงบขยายและเสริมกำลังฐานทัพ มีเวทีสำคัญอย่างศูนย์คุมขังและโรงซ่อมบำรุงเครื่องบิน ฐานที่เคยรองรับทหารนับหมื่นนาย โดยมีประธานาธิบดีอเมริกันสามรายเยือน ได้แก่ George W. Bush, Barack Obama และ Donald Trump ก่อนจะถูกปล่อยร้างในปี 2021 ขณะ Taliban กลับมาครอบครองกรุงคาบูล
ฝ่าย Taliban ตอบโต้หนักแน่นทันที Zakir Jalali ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ประกาศว่า “ชาวอัฟกันไม่เคยยอมรับฐานทัพต่างชาติในประวัติศาสตร์ – และเป็นสิ่งที่ตกลงกันชัดเจนในข้อตกลง Doha” ด้าน Abdul Mateen Qani โฆษกกระทรวงมหาดไทย Taliban กล่าวว่า “เราจะไม่คืน Bagram ให้ใครทั้งนั้น คำกล่าวของอเมริกาคือความไร้สาระโดยสิ้นเชิง”
พร้อมกันนี้ รัฐบาล Taliban ยังเปิดเผยข้อความเสียงผ่านสื่อทางการ ซึ่งระบุโดยตรงว่าจะใช้ทุกวิธีการปกป้องอธิปไตย รวมถึงการก่อเหตุระเบิดพลีชีพด้วยหากถูกคุกคามจากต่างชาติ
Bagram คือสัญลักษณ์ของอธิปไตยและการขับไล่อำนาจต่างชาติ รัฐบาล Taliban กำหนดว่าพื้นที่แม้แต่หนึ่งนิ้วก็จะไม่มอบให้กับโลกภายนอก นักวิเคราะห์เห็นว่าหากสหรัฐฯ ได้ Bagram คืน Taliban จะต้องต่อรองเพื่อเงื่อนไขบางประการ เช่น ร่วมใช้/เข้าถึงเพียงบางส่วน แลกกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์หรือการยกเลิกสถานะ “กลุ่มก่อการร้าย” ของ Taliban จากสหรัฐฯ สถิติเหล่านี้แสดงว่าเกมนี้คือกลไกต่อรองผลประโยชน์อย่างแท้จริง
ในเวทีภูมิรัฐศาสตร์ Bagram ตั้งอยู่ในทำเลที่เชื่อมการเดินทางไปยังศูนย์กลางต่าง ๆ ทั้งกรุงคาบูลและเส้นทางสู่พรมแดน จีน, ปากีสถาน, อิหร่าน, รัสเซีย ทรัมป์ย้ำว่าความสำคัญของฐานนี้อยู่ที่ใกล้โรงงานนิวเคลียร์จีนโดยตรง กระทรวงการต่างประเทศจีนตอบโต้ทันทีโดยย้ำว่า “จีนเคารพอธิปไตยและบูรณภาพของอัฟกานิสถาน การสร้างความตึงเครียดและเผชิญหน้าไม่ส่งผลดี”
นักวิเคราะห์ชี้ว่าจีนสามารถกดดัน Taliban ได้โดยตรง โดยเฉพาะการยกเลิกสัมปทานเหมือง ถอนสัญญาค้า หรือปฏิเสธสถานะทางการเมือง นี่คืออิทธิพลใหม่ที่ Taliban ใช้เพื่อลดแรงกดดันจากตะวันตก
ทั้งนี้ สื่อ South China Morning Post รายงานว่ารัสเซีย (Russia), จีน (China), อิหร่าน (Iran) และปากีสถาน (Pakistan) ล้วนคัดค้านการกลับมาของกองทัพสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตัน "เคารพอธิปไตยอัฟกานิสถาน" ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าหากสหรัฐฯ หวนคืน Bagram จริง ภูมิภาคนี้จะเกิดความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจมากขึ้น
ในฐานะทรัพยากรยุทธศาสตร์ Bagram ไม่ได้สำคัญที่โครงสร้างกายภาพ แต่อยู่ที่ภูมิรัฐศาสตร์ ฐานนี้เคยเป็นรังชัยของโซเวียต สัญลักษณ์ความพ่ายแพ้ของอเมริกัน และอาจกลายเป็นแต้มต่อใหม่ในการปะทะเชิงอำนาจของสหรัฐฯ-จีน
แม้แนวทางการยึดคืน Bagram จะแทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งข้อปฏิเสธจาก Taliban, ความเสี่ยงจากกลุ่มติดอาวุธ ISIS-Al Qaeda, แรงต้านจากรัสเซีย-อิหร่าน-ปากีสถาน และข้อกังวลต้องส่งทหารนับหมื่นคนตามรายงาน The Wall Street Journal แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ยังยืนหยัดดันประเด็นนี้ โดยถือเป็นการฟื้นฟูจุดแข็งภาพลักษณ์ทางการเมืองทั้งภายในและนโยบายต่อจีน
ท้ายที่สุด ฐาน Bagram คือหมุดหมากสำคัญทางสัญลักษณ์มากกว่ากลยุทธ์จริง และสะท้อนบทเรียนประวัติศาสตร์: มหาอำนาจอาจสร้างป้อมปราการได้ แต่ไม่อาจลบ “ความทรงจำของพ่ายแพ้” ในหัวใจชาวอัฟกัน
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/625614-ghost-of-bagram-trump/