โมเดลพัฒนาในยุโรปผลิตในจีนของ Nexperiaถึงทางตัน

โมเดล “พัฒนาในยุโรป ผลิตในจีน” ของ Nexperia ถึงทางตัน ท่ามกลางแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์
23-10-2025
SCMP รายงานว่า วิกฤต Nexperia สะท้อนความเปราะปาง 'ห่วงโซ่ชิปโลก-โมเดลธุรกิจ พัฒนาในยุโรป ผลิตในจีน' ท่ามกลางศึกเทคฯสหรัฐฯ–จีน ความขัดแย้งระหว่างจีนและเนเธอร์แลนด์เกี่ยวกับบริษัทผู้ผลิตชิป Nexperia ได้กลายเป็นตัวอย่างชัดเจนของผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แทรกซึมในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ตามการประเมินของนักวิเคราะห์
Nexperia มีสำนักงานใหญ่ในเมืองไนเมเกน (Nijmegen) ประเทศเนเธอร์แลนด์ และดำเนินธุรกิจในลักษณะข้ามชาติ โดยมีโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นต้นในเมืองฮัมบูร์ก (Hamburg) ประเทศเยอรมนี และเมืองแมนเชสเตอร์ (Manchester) ประเทศสหราชอาณาจักร ส่วนกระบวนการประกอบขั้นปลายกระจายอยู่ในเอเชีย เช่น เมืองตงกวน (Dongguan) ของจีน เมืองลากูน่า (Laguna) ในฟิลิปปินส์ และรัฐเนอเกรีเซมบีลัน (Negeri Sembilan) ของมาเลเซีย
ด้วยเครือข่ายโรงงานและศูนย์วิจัยทั่วโลก บริษัทมียอดจัดส่งผลิตภัณฑ์กว่าปีละ 110,000 ล้านชิ้น ให้ลูกค้ารายใหญ่ระดับโลกอย่าง Apple, Tesla และ Samsung Electronics อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนได้ปะทุขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว หลังรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้ายึดการบริหารของ Nexperia และปลดจาง ซวี๋เจิ้ง (Zhang Xuezheng) ซีอีโอชาวจีน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Wingtech Technology เจ้าของ Nexperia ออกจากตำแหน่ง
มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังสำนักอุตสาหกรรมและความมั่นคงของสหรัฐฯ (US Bureau of Industry and Security) ขยายข้อจำกัดการส่งออกไปยังทุกกิจการที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเกิน 50% โดยบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำทางการค้าในวอชิงตัน ซึ่งส่งผลให้ Nexperia ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Wingtech เข้าสู่ข่ายการคว่ำบาตรโดยอัตโนมัติ
เพียงไม่นานหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ห้าม Nexperia China และผู้รับเหมาช่วงส่งออกชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศออกนอกจีน ขณะที่ฝ่ายบริหารของ Nexperia China ได้ออกคำสั่งให้พนักงานในพื้นที่ “ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งจากสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์” และให้ยึดแนวทางจากฝ่ายจีนเป็นหลัก
โจว เชา (Zhou Chao) นักวิจัยจากสถาบันวิจัย Anbound ในปักกิ่ง ให้ความเห็นว่าสถานการณ์แยกตัวของ Nexperia มิได้เกิดจากความขัดแย้งในองค์กรเท่านั้น แต่เป็น “สัญญาณสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เทคโนโลยีโลก และแนวโน้มการแยกห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศตะวันตกกับจีน” โดยชี้ว่าโมเดล “พัฒนาในยุโรป ผลิตในจีน” ของ Nexperia ได้กลายเป็นโมเดลที่ “ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้กฎระเบียบใหม่”
ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเริ่มปรากฏให้เห็น โดยโรงงาน Nexperia ในเมืองตงกวน ซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของกำลังผลิตทั้งหมด กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนเวเฟอร์จากโรงงานยุโรป ส่งผลให้ต้องลดการผลิต จำกัดการส่งออก และขอให้พนักงานบางส่วนลดเวลาทำงาน ตามรายงานของสื่อจีน National Business Daily เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
รายงานอ้างพนักงานคลังสินค้าว่าการผลิตยังคงดำเนินอยู่ แต่สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสิทธิภาพการผลิตระบุว่าทั้งที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมาก แต่ยังคงขาดวัตถุดิบสำคัญ ขณะที่ผู้ค้าชิปจากเซินเจิ้นประเมินว่าโรงงานในตงกวนหยุดการส่งออกมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ และวัตถุดิบที่มีอยู่จะเพียงพอถึงสิ้นเดือนธันวาคมเท่านั้น
นักวิเคราะห์มองว่าการแยกสายการผลิตของจีนออกจากเครือข่าย Nexperia ทั้งหมดอาจใช้เวลาหลายเดือน และเสี่ยงกระทบต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าระดับโลก โจวเสนอว่า ท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติต้องเร่งพัฒนา “ระบบวิจัยและปฏิบัติตามกฎหมายในท้องถิ่นอย่างเป็นอิสระ” ระหว่างจีน สหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงออกแบบ “ยุทธศาสตร์การแยกห่วงโซ่อุปทาน” เพื่อสร้างความพึ่งพาตนเองในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ พร้อมชี้ว่าทิศทางต่อไปของบริษัทข้ามชาติจะคือ “รูปแบบหลายสำนักงานใหญ่และการดำเนินงานแยกอิสระ”
ด้าน เจฟฟรีย์ ทาวสัน (Jeffrey Towson) นักกลยุทธ์ดิจิทัลและอดีตศาสตราจารย์จาก China Europe International Business School แสดงความคิดเห็นว่า “รัฐบาลเนเธอร์แลนด์กระโจนเข้าสู่วิกฤตนี้โดยสมัครใจ และตอนนี้ Nexperia China ก็ไม่ยอมรับคำสั่งจากสำนักงานใหญ่แล้ว”
รายงานของ South China Morning Post ระบุว่าการตัดสินใจของรัฐบาลดัตช์มีพื้นฐานจากความวิตกว่าบริษัทแม่ของจีนอาจย้ายสายการผลิตในยุโรปกลับไปยังจีน ขณะเดียวกัน Wingtech ซึ่งเป็นเจ้าของ Nexperia ได้ลงทุนกว่า 12,000 ล้านหยวน (ราว 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิประดับ 12 นิ้วในเซี่ยงไฮ้ ภายใต้บริษัทในเครือชื่อ WingSkySemi
เมื่อเดือนที่แล้ว Wingtech ได้เชิญผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข้าเยี่ยมชมโรงงานดังกล่าว ซึ่งบริษัทอธิบายว่าเป็น “จุดหมุนสำคัญของยุทธศาสตร์การผลิตเพื่อรองรับตลาดจีน” โดยระบุว่าจะเริ่มจัดส่งชิปให้ “ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน” ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยใช้เทคโนโลยี metal-oxide semiconductor รุ่นใหม่
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/tech/tech-war/article/3329781/nexperia-crisis-how-geopolitics-disrupts-global-chip-supply-chain?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article