ตุรกี-บังกลาเทศ ลงนามดีลระบบป้องกันภัยทางอากาศ

ตุรกี-บังกลาเทศ ลงนามดีลระบบป้องกันภัยทางอากาศ SIPER สกัดขีปนาวุธระยะไกล เขย่าขั้วอำนาจในภูมิภาค
20-10-2025
Asia Times รายงานว่า ภูมิทัศน์ทางยุทธศาสตร์ของเอเชียใต้กำลังเผชิญกับการปรับสมดุลครั้งสำคัญ ภายหลังบังกลาเทศเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของข้อตกลงกลาโหมครั้งประวัติศาสตร์กับตุรกี ซึ่งรวมถึงการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล SIPER และศักยภาพในการผลิตโดรนรบร่วมกัน การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นการประกาศ "อิสรภาพ" ทางยุทธศาสตร์ของบังกลาเทศที่กำลังหาทางหลีกเลี่ยงการพึ่งพามหาอำนาจ ขณะเดียวกันก็เป็นการขยายอิทธิพลของตุรกี และสร้างความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ที่น่ากังวลให้แก่รัฐบาลอินเดีย
แรงจูงใจเบื้องหลัง: การซื้ออำนาจอธิปไตย
การจัดหาอาวุธระดับสูงจากตุรกีของธากาเป็นไปเพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ ภัยคุกคามแรกคือสงครามกลางเมืองที่รุนแรงใน เมียนมา ซึ่งส่งผลให้กระสุนปืนใหญ่ตกในเขตบังกลาเทศ และมีการละเมิดน่านฟ้าจากอากาศยานทางทหารของเมียนมาบ่อยครั้ง
ปัจจุบัน ระบบป้องกันภัยทางอากาศของบังกลาเทศยังเป็นระบบเก่าที่มีพิสัยทำการสั้น ทำให้พื้นที่สำคัญอย่างท่าเรือจิตตะกอง (Chittagong) และค่ายผู้ลี้ภัยใกล้เมืองค็อกซ์บาซาร์ (Cox’s Bazar) ตกอยู่ในความเสี่ยง
ภัยคุกคามที่สองคือความไม่สมมาตรทางยุทธศาสตร์กับ อินเดีย แม้ความสัมพันธ์จะค่อนข้างมั่นคง แต่การมีความเหนือกว่าทางทหารของอินเดียอย่างท่วมท้น ทำให้บังกลาเทศต้องแสวงหาวิธีการที่น่าเชื่อถือเพื่อปกป้องตนเอง
จุดเด่นของแพ็กเกจตุรกี
แพ็กเกจจากตุรกีถือเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากเป็นการรวมระบบ Hisar-O+ (พิสัยกลาง) และ SIPER (พิสัยไกล) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเกราะป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยและครบวงจร ทำให้บังกลาเทศมีความสามารถในการ ปฏิเสธการเข้าถึงน่านฟ้า ของตนได้เป็นครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้น การจัดตั้งโรงงาน ผลิตโดรนร่วมกัน ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในระยะยาว เพราะเป็นการลงทุนในฐานอุตสาหกรรมภายในประเทศ เพื่อหลุดพ้นจากการเป็นเพียงลูกค้าอาวุธถาวร และเป็นการกระจายความเสี่ยง (Hedging) โดยดึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิก NATO ที่มีนโยบายอิสระ เข้ามาเป็นพันธมิตร เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับมหาอำนาจรายอื่น
ตุรกี: ชัยชนะของวิสัยทัศน์ "เอเชียใหม่อีกครั้ง"
สำหรับตุรกี ข้อตกลงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของวิสัยทัศน์ “เอเชียใหม่อีกครั้ง” (Asia Anew) ของประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ซึ่งมุ่งขยายอิทธิพลทั่วทวีปผ่านความร่วมมือทางทหารและอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมกลาโหมของตุรกีเสนอนวัตกรรมที่ได้มาตรฐาน NATO โดยไม่มีข้อจำกัดทางการเมืองเหมือนกับฮาร์ดแวร์ของสหรัฐฯ หรือยุโรป และเต็มใจที่จะแบ่งปันเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้ตุรกีสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและยาวนาน
การที่ตุรกีประสบความสำเร็จในการขายระบบ SIPER ซึ่งเป็นระบบสกัดกั้นพิสัยไกลที่พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรกให้แก่ลูกค้าต่างชาติอย่างบังกลาเทศ ถือเป็นการรับรองคุณภาพในเวทีโลก และทำให้ตุรกีกลายเป็นผู้จัดหาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูง การมีฐานที่มั่นในบังกลาเทศยังเป็นการขยายขอบเขตเชิงยุทธศาสตร์ของตุรกีจากทะเลดำลึกเข้าสู่ มหาสมุทรอินเดีย ผ่านอ่าวเบงกอล
อาการปวดหัวเชิงยุทธศาสตร์ของนิวเดลี
ข่าวการทำข้อตกลงนี้ได้สร้างความกังวลอย่างต่อเนื่องต่อเจ้าหน้าที่ยุทธศาสตร์ของอินเดีย แม้ว่าอินเดียจะไม่กังวลว่าอำนาจที่เหนือกว่าของตนจะถูกท้าทาย แต่การที่บังกลาเทศมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่น่าเชื่อถือและโดรนโจมตีที่ทันสมัย ทำให้แผนเผชิญเหตุของอินเดียต้องถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และต้นทุนของการแทรกแซงใด ๆ ก็ตามจะเพิ่มสูงขึ้น
สิ่งที่ทำให้อินเดียต้องเผชิญกับความซับซ้อนคือ ผู้จัดหาคือ ตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิก NATO ที่มีนโยบายเป็นอิสระ ไม่ใช่จีน ซึ่งอินเดียมีแนวทางในการจัดการและตอบโต้ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว การเข้ามาของผู้เล่นอิสระที่ทรงอิทธิพลรายใหม่นี้ได้ลดบทบาทของจีนในฐานะผู้สนับสนุนทางทหารหลักของบังกลาเทศลง แต่ก็ตอกย้ำถึงขีดจำกัดของอิทธิพลของอินเดียในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด
ข้อตกลงนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศอำนาจปานกลาง (middle powers) มีความไม่เต็มใจมากขึ้นที่จะให้ชะตากรรมของตนถูกกำหนดโดยมหาอำนาจ และกำลังค้นหาพันธมิตรใหม่เพื่อสร้างเส้นทางของตนเองในบริบทของโลกที่มีหลายขั้วอำนาจกำลังผงาดขึ้น
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/10/turkey-bangladesh-air-defense-deal-jolts-south-asias-skies/
Image: Turkish Defense Industry Agency