เครื่องบินรบ J-16 ของจีน 'ล็อกเป้า F-22 สหรัฐฯ'

เครื่องบินรบ J-16 ของจีน 'สามารถล็อกเป้า F-22 สหรัฐฯ' แสดงศักยภาพระบบเรดาร์บูรณาการ
18-10-2025
SCMP รายงานว่า สำนักข่าวซินหัว และสถานีโทรทัศน์กลางของจีน (CCTV) เปิดเผยรายงานเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมว่า เครื่องบินขับไล่แบบ J-16 ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) สามารถ “ล็อกเป้าหมาย” เครื่องบินรบต่างชาติ 2 ลำ ซึ่งเชื่อว่าเป็น F-22 ของสหรัฐฯ ก่อนจะติดตามและบังคับให้ออกจากเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของจีน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างภารกิจฝึกทางชายฝั่งเมื่อปีที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ
พันเอกเกษียณ ยวี่ กัง (Yue Gang) นักวิเคราะห์ทหารของจีนระบุว่า เครื่องบินที่ถูกติดตามมี “ความเป็นไปได้สูงมาก” ว่าเป็น F-22 ซึ่งเป็นเครื่องบินล่องหนรุ่นที่ 5 ของสหรัฐฯ ไม่ใช่ F-35 ที่ประจำการในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกบ่อยครั้ง โดยชี้ว่า J-16 สามารถตรวจจับและล็อกเป้าหมาย F-22 ได้เพราะจีนใช้ “ระบบการรบแบบบูรณาการ” ที่เชื่อมโยงดาวเทียม เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า และเรดาร์ต่อต้านเครื่องบินล่องหนเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องพึ่งความสามารถของเครื่องบินลำเดียว
ซ่ง จ้งผิง (Song Zhongping) อดีตผู้ฝึกสอนทหารของ PLA และนักวิจารณ์ด้านยุทธศาสตร์กล่าวเสริมว่า ข้อมูลในรายงานชี้ว่า J-16 อยู่ในระยะมองเห็นด้วยตาเปล่ากับเครื่องบิน F-22 ซึ่งบ่งชี้ว่าเครื่องบินสหรัฐฯ ทำการลาดตระเวนใกล้เขตอากาศของจีน
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า J-16 เมื่อปฏิบัติการภายใต้ระบบรบแบบบูรณาการ มีศักยภาพระบุเป้าหมายและขับไล่เครื่องบินล่องหนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จีนจึงมีความสามารถเพียงพอในการป้องกันเขตแสดงตนทางอากาศของตนเอง” ซ่งกล่าว
ซีซีทีวีได้สัมภาษณ์นักบิน หลี่ เฉา (Li Chao) จากกองบัญชาการยุทธบริเวณตะวันตกของ PLA ซึ่งยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างการฝึกเมื่อปีที่แล้ว โดยกล่าวว่า “เครื่องบินต่างชาติเหล่านั้นมีเจตนาชัดเจนในการยั่วยุ” เขาเล่าว่าสามารถทำท่าหมุนตัว (barrel roll) เหนือเครื่องบินต่างชาติในระยะห่างเพียง 10–15 เมตร ก่อนจะ “ล็อกเป้า” เครื่องบินทั้งสองลำได้พร้อมกัน ทำให้คู่ขัดแย้งถอยออกจากพื้นที่
ตามหลักปฏิบัติทางทหาร การ “ล็อกเป้า” หมายถึงระบบควบคุมอาวุธของเครื่องบินสามารถติดตามและเล็งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสามารถใช้เปิดการโจมตีได้ทันที
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีเครื่องบินล่องหนใช้งานอยู่เพียงสองรุ่นคือ F-22 และ F-35 โดยเฉพาะ F-22 ประจำการเฉพาะในกองทัพอากาศสหรัฐฯ และตั้งฐานที่กาดีนา (Kadena Air Base) บนเกาะโอกินาวา ญี่ปุ่น
กองทัพอากาศจีนกำลังทยอยปลดประจำการเครื่อง J-7 รุ่นเก่า และแทนที่ด้วยเครื่อง J-10C และ J-16 ที่มีสมรรถนะสูงกว่า โดย J-16 ถือเป็นเครื่องบินรบล้ำสมัยที่พัฒนาต่อยอดจากแบบรัสเซีย Su-27 และ Su-30 รวมถึงเครื่อง J-11B ของจีนเอง
J-16 ทำการบินทดสอบครั้งแรกอย่างลับในปี 2011 และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 2016 มีความสามารถบรรทุกอาวุธได้ถึง 12 ตัน ใกล้เคียงกับ F-22
ในปี 2023 จีนได้ส่งฝูงบิน J-16 ชุดแรกเข้าประจำการในกองบัญชาการยุทธบริเวณตะวันตก ซึ่งดูแลพื้นที่ซินเจียงและทิเบต รวมถึงแนวพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยกับอินเดีย
ผู้เชี่ยวชาญทางทหารคาดว่า J-16 จะปฏิบัติภารกิจควบคู่กับ J-10C และ J-20 โดยเครื่อง J-20 ถือเป็นคำตอบตรงของจีนต่อ F-22 Raptor ส่วน J-10C ซึ่งเบากว่า ภารกิจใกล้เคียงกับ F-35 แม้ยังด้อยกว่าในด้านขุมพลังและคุณสมบัติล่องหน ทั้งนี้ ระหว่างการสวนสนามครั้งใหญ่ในปักกิ่งเมื่อเดือนก่อน จีนได้เปิดเผยอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่หลายชนิด รวมถึงโดรนล่องหนและเครื่องบินรบล่องหนรุ่นขึ้นเรือบรรทุกเครื่องบิน J-35 ซึ่งถือเป็นลำที่สองของโลกต่อจาก F-35 ของสหรัฐฯ
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/military/article/3329375/china-showed-integrated-combat-capabilities-locking-us-fifth-generation-jets?module=top_story&pgtype=section