ทรัมป์เร่งเกม ‘การทูตเชิงธุรกรรม’ ในแอฟริกา

ทรัมป์เร่งเกม ‘การทูตเชิงธุรกรรม’ ในแอฟริกา ชิงยุทธศาสตร์แร่หายาก ลดอิทธิพลจีนที่ทิ้งห่างไปแล้ว 5 เท่า
22-10-2025
Newsweek รายงานว่า ทรัมป์บรรลุข้อตกลงสหรัฐฯ–คองโก ควบคู่หยุดยิงรวันดา เปิดทางยุทธศาสตร์ “แร่หายากเพื่อสันติภาพ” ในแอฟริกา
ท้าดวลอิทธิพลเหมืองจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ประกาศความสำเร็จของข้อตกลงสำคัญระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of Congo – DRC) ซึ่งรวมถึง **แผนหยุดยิงกับรวันดา (Rwanda)** และ **ข้อตกลง “สิทธิการทำเหมืองแร่หายาก” (Rare Earth Minerals Deal)** ที่สหรัฐฯ จะได้รับผลประโยชน์ทางทรัพยากรธรรมชาติจากภูมิภาคนี้ .
ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2025 ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะ “ทำให้สหรัฐฯ ได้สิทธิในเหมืองจำนวนมากจากคองโก” โดยเนื้อหาครอบคลุมการลดความรุนแรงในภาคตะวันออกของคองโก และส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านแร่ เช่น **โคบอลต์ และ โคลแทน (Coltan)** ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ สมาร์ตโฟน และเทคโนโลยี EV .
โครงการนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน ซึ่งในปัจจุบันครองสัดส่วนการแปรรูปโลหะหายากทั่วโลกกว่า 85% และมีบทบาทสำคัญใน 15 จาก 19 เหมืองโคบอลต์ทั่ว DRC . นักวิชาการมองว่าดีลนี้ช่วยให้วอชิงตันลดการพึ่งพาจีน และสร้างฐานป้องกันทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เป็นหัวใจของแอฟริกา.
แลนดรี ซินเย (Landry Signé) นักวิจัยอาวุโส จาก Stanford University กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีทรัมป์เป็นผู้นำในปัจจุบัน “ให้ความสำคัญกับอำนาจและความมั่งคั่ง โดยใช้รูปแบบความร่วมมือแบบดีล (Transactional Diplomacy)” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของผู้นำแอฟริกาที่ต้องการความสัมพันธ์เชิงการค้าแทนการพึ่งเงินช่วยเหลือ .
เขาชี้ว่า แอฟริกามีสัดส่วนราว 30% ของแหล่งแร่หายากทั่วโลก แต่สหรัฐฯ นำเข้าจากเพียง 2 ประเทศ ดังนั้น การจัดตั้งฐานผลิตและการแปรรูปในทวีปจะเป็นทางรอดระยะยาวในการเสริมความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ขณะเดียวกันยังสร้างงานและรายได้ภายในแอฟริกา .
ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำภูมิภาค เจ ปีเตอร์ แฟม (J. Peter Pham) กล่าวกับ Newsweek ว่า “การลงทุนของสหรัฐฯ ในเหมืองแร่ของแอฟริกามีความสำคัญยิ่ง ไม่เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของอเมริกาในด้านโลหะยุทธศาสตร์ แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศในทวีปได้ หากพัฒนาโครงสร้างห่วงโซ่มูลค่าให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น.”
หลังบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ทรัมป์ประกาศว่า “วันนี้ ความรุนแรงได้ยุติลง ภูมิภาคนี้เริ่มต้นใหม่ในเส้นทางแห่งความหวัง ความมั่งคั่งและสันติภาพ.” ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า แผนพัฒนาที่ตามมาจะมุ่งให้รวันดาและคองโกร่วมกันสร้าง “ห่วงโซ่แร่สะอาด” สำหรับตลาดโลก ภายใต้การตรวจสอบของสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก
ในระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์เชื่อว่า ข้อตกลง
“DC–Rwanda Peace and Mineral Access Framework” อาจขยายผลสู่ยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐฯ ในทวีปแอฟริกา เพื่อแข่งขันกับ **China’s Belt and Road Initiative** และ **Russia’s Africa Corps** ที่กำลังขยายบทบาทด้านทรัพยากรและความมั่นคงในภูมิภาค .
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/donald-trump-big-deal-africa-china-10892463