นักการเงินพากันหนีออกจากวอลล์สตรีท
นักการเงินพากันหนีออกจากวอลล์สตรีทเพื่อแสวงหาที่พักพิงจากนโยบายสังคมนิยม
5-11-2025
ไมอามีเป็นจุดหมายยอดนิยมของ “ผู้ลี้ภัยจากวอลล์สตรีท” แต่ยังมีอีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับความสนใจและถูกคนในวงการเรียกว่า “ยอลล์สตรีท” (Y’all Street)
เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส กำลังมีระบบนิเวศทางการเงินที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยสถาบันการเงิน บริษัทเอกชนด้านการลงทุน (Private Equity) บริษัทฟินเทค กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และธนาคารขนาดใหญ่ พื้นที่อย่างอัพทาวน์ ดาวน์ทาวน์ และวิกตอรี่พาร์ก ต่างมีการย้ายถิ่นของผู้เชี่ยวชาญด้านบริการทางการเงินจากนิวยอร์กอย่างหนาแน่น ปัจจุบันมีแรงงานในภาคการเงินราว 380,000 คนในพื้นที่นี้
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) มีแผนจะเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บนพื้นที่กว่า 800,000 ตารางฟุต ภายในปี 2028 ซึ่งจะต้องจ้างหรือย้ายพนักงานประมาณ 5,000 คนมาเพิ่ม โกลด์แมน แซคส์ เคยมีการดำเนินงานในเท็กซัสมาก่อนแล้ว แต่ศูนย์แห่งใหม่นี้จะทำให้จำนวนพนักงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ถึงแม้นิวยอร์กยังเป็นสำนักงานใหญ่หลัก แต่ในอนาคตอันใกล้ สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป เพราะต้นทุนการดำเนินธุรกิจในนิวยอร์กสูงเกินกว่าที่ใครจะยอมจ่ายได้
เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) เพิ่งสร้างตึกสูง 60 ชั้น มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ บนถนนพาร์กอเวนิว หมายเลข 270 ซึ่งมีพนักงานประมาณ 10,000 คน เจพีมอร์แกนมีพนักงานทั่วโลกกว่า 300,000 คน โดย 24,000 คนอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ แต่ในพื้นที่ดัลลัส–ฟอร์ตเวิร์ธนั้นมีถึง 18,000 คน และยังมีแผนจะขยายต่อไป “มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่เท็กซัสยินดีต้อนรับคุณเสมอ” เจมี่ ไดมอน ซีอีโอของบริษัท กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในปี 2023
โดยรวมแล้ว ขณะนี้รัฐเท็กซัสมีแรงงานในภาคการเงินมากกว่านิวยอร์ก โดยมีอยู่ราว 519,000 คน เทียบกับ 507,000 คนในนิวยอร์ก รัฐธรรมนูญของรัฐเท็กซัสมอบข้อได้เปรียบทางการเงินที่สำคัญ เพราะรัฐนี้ไม่เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะที่นิวยอร์กเก็บภาษีสูงสุดถึง 10.9% สำหรับบุคคล และระหว่าง 6.5% ถึง 7.25% สำหรับนิติบุคคล ภาษีบริษัทและภาษีแฟรนไชส์ในเท็กซัสยังต่ำกว่า ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมลดลงอย่างมาก
สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบในเท็กซัสเป็นมิตรกับธุรกิจ โดยมีข้อบังคับในระดับรัฐเพียงไม่กี่ข้อ ตรงกันข้ามกับนิวยอร์กที่ยังคงเพิ่มกฎระเบียบเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเรื่อย ๆ นอกเหนือจากข้อบังคับของรัฐบาลกลาง ตัวอย่างเช่น นิวยอร์กเริ่มบังคับใช้โควตาความหลากหลาย (DEI) ในคณะกรรมการบริษัทในช่วงกระแส “woke” สภาพแวดล้อมจึงเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมทางสังคมมากกว่าตามหลักธุรกิจโดยตรง
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐ (SEC) ได้อนุมัติให้ ตลาดหลักทรัพย์เท็กซัส (Texas Stock Exchange - TXSE) สามารถดำเนินงานในฐานะตลาดหลักทรัพย์ระดับประเทศได้ โดยมีสถาบันการเงินรายใหญ่ เช่น แบล็คร็อก (BlackRock), ซิตาเดล (Citadel) และชาร์ลส์ ชวาบ (Charles Schwab) อยู่เบื้องหลังการก่อตั้ง ตลาด TXSE มีกำหนดเปิดทำการต้นปีหน้า โดยจะมุ่งเน้นบริษัทที่มีมูลค่าปานกลางถึงขนาดใหญ่ ด้วยมาตรฐานการจดทะเบียนที่เข้มงวดและระบบตลาดชั้นเดียว ผู้ก่อตั้งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มจำนวน IPO ได้ ด้วยการลดภาระด้านกฎระเบียบและค่าใช้จ่าย
ยุคทองของวอลล์สตรีทได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ที่เคยมีโอกาสยืนอยู่บนพื้นของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ย่อมเข้าใจดีถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ //
ที่มา armstrongeconomics.com