.
โกลด์แมน แซคส์–มอร์แกน สแตนลีย์ เตือนตลาดหุ้นทั่วโลกอาจเผชิญการปรับฐาน หลังปีแห่งการพุ่งแรงไม่หยุด
5-11-2025
ตลาดการเงินโลกอาจต้อง “เผชิญความจริง” หลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ เมื่อธนาคารเพื่อการลงทุนยักษ์ใหญ่ Goldman Sachs และ Morgan Stanley ออกมาเตือนนักลงทุนเมื่อวันอังคารให้เตรียมรับมือกับการปรับฐานของตลาดในช่วงสองปีข้างหน้า
ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากกระแสการลงทุนในหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หลายตลาดหลักทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งดัชนีหลักของสหรัฐฯ, ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น, Kospi ของเกาหลีใต้ และ Shanghai Composite ของจีน ซึ่งทำจุดสูงสุดในรอบทศวรรษจากแรงหนุนของความสัมพันธ์สหรัฐฯ–จีนที่ผ่อนคลายลงและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
เดวิด โซโลมอน (David Solomon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Goldman Sachs กล่าวในงาน Global Financial Leaders’ Investment Summit ที่ฮ่องกงว่า
“มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการปรับฐานของตลาดหุ้นราว 10–20% ภายใน 12–24 เดือนข้างหน้า... ตลาดมักจะพุ่งขึ้น แล้วก็ถอยกลับเพื่อให้นักลงทุนได้ประเมินสถานการณ์ใหม่”
โซโลมอนระบุเพิ่มเติมว่า การปรับฐานดังกล่าวถือเป็นลักษณะปกติของตลาดกระทิงระยะยาว พร้อมย้ำว่า คำแนะนำของธนาคารต่อบรรดาลูกค้าคือ “ให้คงการลงทุนไว้และปรับพอร์ตอย่างมีเหตุผล แทนที่จะพยายามจับจังหวะตลาด”
“การปรับฐาน 10–15% เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ แม้ในช่วงที่ตลาดยังเป็นบวก มันไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนพื้นฐานหรือโครงสร้างแนวคิดการจัดสรรเงินทุนของคุณได้” เขากล่าว
ด้าน เท็ด พิค (Ted Pick) ซีอีโอของ Morgan Stanley ซึ่งร่วมพูดในเวทีเดียวกัน กล่าวว่า นักลงทุนควรมองการปรับฐานของตลาดเป็น “พัฒนาการที่ดีต่อสุขภาพของตลาด” มากกว่าจะมองว่าเป็นสัญญาณวิกฤติ
“เราควรยินดีหากเกิดการปรับฐานในช่วง 10–15% ที่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยมหภาครุนแรงใด ๆ” เขากล่าว
คำเตือนของทั้งสองสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ระบุถึงความเสี่ยงของการปรับตัวลงอย่างรุนแรงของตลาด ขณะเดียวกัน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และ แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลเช่นกันเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่อาจ “พองตัวเกินจริง”
“เอเชียยังสดใส” – โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ชี้ภูมิภาคเอเชียคือแรงขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต
ทั้ง Goldman Sachs และ Morgan Stanley มองว่าเอเชียจะเป็นจุดสว่างของเศรษฐกิจโลกในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า โดยได้แรงหนุนจากพัฒนาการเชิงบวกหลายด้าน รวมถึงข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
Goldman Sachs คาดว่า นักลงทุนสถาบันระดับโลกจะยังคงให้ความสนใจต่อการลงทุนในจีนอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าจีนยังคงเป็น “หนึ่งในเศรษฐกิจที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลก”
ด้าน Morgan Stanley ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย โดยให้เหตุผลว่าประเทศเหล่านี้มี “เรื่องราวการเติบโตเฉพาะตัว” ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งนี้ การปฏิรูปธรรมาภิบาลของบริษัทในญี่ปุ่น และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของอินเดีย ถูกยกให้เป็นธีมการลงทุนระยะยาวที่มีศักยภาพสูง
เท็ด พิค (Ted Pick) ซีอีโอของ Morgan Stanley กล่าวเสริมว่า “เป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้สึกตื่นเต้นกับฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย — แม้จะเป็นสี่ประเทศที่มีเรื่องราวต่างกันมาก แต่ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวความรุ่งเรืองของเอเชียในเวทีโลก”
เขายังได้ชี้เป็นพิเศษไปที่ อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI), รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ เทคโนโลยีชีวภาพ (biotech) ของจีน ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในภูมิภาค
ที่มา CNBC