สหรัฐฯ-จีน เร่งชิงความเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี
สหรัฐฯ-จีน เร่งชิงความเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี สร้างจักรวรรดิดิจิทัลครองโลก บล็อกนวัตกรรมคู่แข่ง
5-11-2025
Asia Times รายงานว่า สหรัฐฯ–จีนแข่งยึดอำนาจเทคโนโลยีโลก กดดันนวัตกรรม–ต้านระบบใหม่เกิด มหาอำนาจเทคโนโลยีโลกอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนต่างเดินหน้าสร้างอิทธิพลดิจิทัลครอบคลุมทั่วโลก ผ่านการรวมศูนย์อำนาจของบริษัทเทคโนโลยีระดับยักษ์ เช่นในกรณีข้อตกลง US-UK Technology Deal ที่ประกาศในเดือนกันยายน 2025 ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม AI ของอังกฤษ แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดอำนาจอธิปไตยด้านเทคโนโลยีของชาติพันธมิตร
การเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนแนวโน้มชัดเจนที่รัฐบาลและบริษัทยักษ์สหรัฐฯ กำลังสร้างระบอบเฮเจโมนีด้วยเทคโนโลยี สร้างระบบข้อมูล สื่อสาร และ AI ให้ทั่วโลกต้องพึ่งพาเครือข่ายอเมริกัน พร้อมใช้อิทธิพลนี้เป็นอาวุธแข่งขันกับคู่แข่ง
ในอีกด้าน จีนสร้างโครงสร้างอิทธิพลคู่ขนานผ่านเครือข่ายส่งออกเทคโนโลยี ฐานการผลิตขนาดใหญ่ และโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงในเอเชียและทั่วโลก ท้าทายโมเดลสหรัฐฯ โดยไม่ต้องพึ่งการตั้งฐานทัพในต่างแดนเหมือนแบบอเมริกัน
รูปแบบการผูกขาดเครือข่ายนี้เริ่มขยายตัวจนทับซ้อนกันชัดเจน เช่น สเปน (Spain) ที่เคยพึ่งเครือข่ายเทคฯ สหรัฐฯ กลับถูกกดดันอย่างหนักหลังเลือกบริษัท Huawei ของจีนให้จัดเก็บข้อมูลสำคัญทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ตัวแปรใหม่คือ ความก้าวหน้าในสายการผลิต ทรัพยากรดิจิทัล และนโยบายอุตสาหกรรมของประเทศขนาดกลางหรือเล็ก เช่น ไต้หวัน (Taiwan) และเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ที่สร้างซัพพลายเชน AI เฉพาะด้าน เปิดช่องให้เกิดระเบียบใหม่ที่สมดุลขึ้น แม้สหรัฐฯ และจีนยังครองอิทธิพลหลัก
ด้านสหรัฐฯ ยังคงใช้เทคโนโลยีและกองทัพเสริมสร้างอำนาจมาต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 หลังสงครามโลกที่สอง มหาอำนาจตะวันตกผันตัวมาใช้นโยบาย ‘empire by invitation’ คือ ส่งเสริมความร่วมมือทางเทคโนโลยี แทนการตั้งอาณานิคมแบบเดิม
หลังยุคสงครามเย็น สหรัฐฯ เร่งขยายมาตรฐานเทคโนโลยีสู่ระดับโลกผ่าน AI, Internet, Software และการควบคุมช่องทางสื่อสารหลัก แม้ลดกำลังทหารประจำถิ่นแต่ยังใช้เทคโนโลยีป้องปรามและโจมตีทางไซเบอร์ควบคู่ไปด้วย โครงการสำคัญเช่น Starlink, Proliferated Warfighter Space Architecture, Golden Dome และ IARPA ผลักดันระบบเครือข่าย AI เชิงทหาร-พลเรือนที่เป็นหัวใจของการคุมอำนาจ
จีนตอบโต้ด้วยการขยาย Belt and Road Initiative (BRI) โดยมี Digital Silk Road เป็นหัวใจสำคัญ ส่งเทคโนโลยีราคาถูกและคุณภาพสูง เช่น Huawei, ZTE ไปยังประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก สร้างระบบนิเวศน์ดิจิทัลที่ผูกโยงกับเทคโนโลยีจีนทั้งในแอฟริกา ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และ ASEAN
ในปี 2025 จีนเพิ่มสัดส่วนส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และรถไฟฟ้าไปยังประเทศนอก OECD มากกว่า 50% และดันสัดส่วนรุ่นใหม่ๆ ในตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก สร้างเครือข่ายการพึ่งพาเชิงเทคโนโลยีมากขึ้น
แม้จีนจะไม่มีฐานทัพในต่างแดน แต่ใช้โครงการ Global Development Initiative และ Global Security Initiative เสริมยุทธศาสตร์การณ์ภัยและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับประเทศพันธมิตรผ่านโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการความมั่นคงแบบใหม่
ขณะเดียวกัน รัสเซียแม้พยายามสร้างแบบจำลองเทคฯ ผ่านระบบ GLONASS, ข้อตกลงดาวเทียมและบริการดิจิทัลในแอฟริกา แต่ยังตามหลังสองมหาอำนาจ และแนวโน้มอุตสาหกรรม–ทรัพยากรโลกเริ่มมีแนวทางกระจายตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญคือการที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนยังคงปิดกั้น/ควบคุมช่องทางนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่เปิดโอกาสให้ระบบมากขั้วเกิดขึ้นจริง แม้เทคโนโลยีจะเป็นกลางในทางศักยภาพ แต่ภูมิรัฐศาสตร์กลับยังถูกขับเคลื่อนด้วย ‘สงครามอิทธิพล’ ทั้งในภาคพลเรือนและทหาร
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/11/us-china-tech-empires-in-a-race-to-cement-supremacy/