.
ศึกขั้วอำนาจ สหรัฐฯ–จีน กดดันธุรกิจโลก ผู้เชี่ยวชาญเตือน 'CEO-ผู้นำองค์กรยุคใหม่ต้องมีทักษะภูมิรัฐศาสตร์'
14-11-2025
Bloomberg รายงานว่า โลกที่ไร้ระเบียบกำลังทดสอบความสามารถของบริษัทข้ามชาติ (Multinational Corporations) ไม่ต่างจากนักการทูต ท่ามกลางสงครามการค้า สงครามจริง การต่อสู้ของมหาอำนาจ และวิกฤตการณ์ที่รุนแรง ความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผนที่ความเสี่ยงระดับโลกจึงซับซ้อนและหนาแน่นขึ้น
บทวิเคราะห์นี้สรุปว่า ภูมิทัศน์โลกในปัจจุบันมีลักษณะสำคัญ 8 ประการ ที่ผู้บริหารระดับสูง (C-Suite) ของบริษัทข้ามชาติต้องทำความเข้าใจและรับมือ ภูมิรัฐศาสตร์จึงต้องกลายเป็นขีดความสามารถหลัก ไม่แตกต่างจากห้องปฏิบัติการของทำเนียบขาว
1. การเปลี่ยนผ่านของระเบียบโลก และแกนอำนาจเผด็จการที่เข้มแข็ง
ความไม่เสถียรของโลกปัจจุบันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในทุกองค์ประกอบของระเบียบเดิม โลกาภิวัตน์ที่ไร้พรมแดนในยุคหลังสงครามเย็นเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรทางประวัติศาสตร์ โดยมีระบอบประชาธิปไตยและตลาดที่รุ่งเรือง พร้อมอำนาจของสหรัฐฯ ที่ไม่มีใครท้าทาย
แต่ในปัจจุบัน เรากลับมาสู่การต่อสู้ระหว่างคู่แข่งที่มีอุดมการณ์ต่างกัน โดยกลุ่มรัฐที่ต้องการปรับเปลี่ยนระเบียบโลก ได้แก่ "CRINK" ซึ่งประกอบด้วย จีน, รัสเซีย, อิหร่าน และเกาหลีเหนือ กำลังสร้างความปั่นป่วนทั่วทั้งยูเรเชีย วิกฤตการณ์ต่าง ๆ ทวีความซับซ้อนขึ้นเมื่อแกนอำนาจเผด็จการนี้กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น
2. จุดจบของเศรษฐกิจโลกแบบเดียว: ทางเลือกคือ สองขั้ว หรือ ไม่มีขั้วเลย
แนวคิดเศรษฐกิจโลกแบบเดียว (One-world economy) ได้สิ้นสุดลงแล้ว การกีดกันทางการค้า การคว่ำบาตร และการผลักดันเพื่อพึ่งพาตนเอง ได้ทำให้เศรษฐกิจโลกแตกแยกมานานกว่าทศวรรษ สถาบันต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานของการบรรจบกันทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น องค์การการค้าโลก (WTO) จึงแทบจะไร้ความหมาย
สงครามเย็นครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้การพึ่งพาอาศัยกันกลายเป็นแหล่งความเปราะบาง ซึ่งจุดชนวนให้เกิด การจัดระเบียบความสัมพันธ์ทางการค้าและเทคโนโลยีครั้งใหญ่ คำถามสำคัญคือ การจัดระเบียบใหม่นี้จะนำไปสู่สถานการณ์ "สองโลก" หรือไม่? กล่าวคือ ประชาคมประชาธิปไตยที่เหนียวแน่นจะเผชิญหน้ากับกลุ่มประเทศเผด็จการที่นำโดยจีน หรือจะถูกทำลายลงด้วยแนวนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ
3. การจัดระเบียบพันธมิตรของ สหรัฐฯ และการป้องกันความเสี่ยงทั่วโลก
การบริหารของ สหรัฐฯ กำลังปรับปรุงข้อตกลงด้านความมั่นคงของประเทศอย่างแข็งกร้าว โดยเรียกร้องให้พันธมิตรในยุโรปและแปซิฟิกตะวันตกใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเรียกร้องข้อตกลงทางการค้าที่ไม่สมดุล รวมถึงข้อผูกมัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ
ท่าทีเหล่านี้อาจนำไปสู่พันธมิตรที่มีศักยภาพทางอาวุธดีขึ้นรอบขอบเขตยูเรเซีย แต่ข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจที่มากเกินไปอาจสร้างความเป็นพิษทางการเมืองต่อสาธารณชนของประเทศพันธมิตร ทำให้ผู้นำในยุโรปและเอเชียเริ่มตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นของวอชิงตันในการเข้าช่วยเหลือเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นจริง
ดังนั้น การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จึงกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ ประเทศในยุโรปเร่งเสริมสร้างกำลังอาวุธ และพยายามลดการพึ่งพาอาวุธของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน หลายประเทศในเอเชียเริ่มมีเสียงเรียกร้องเรื่องการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ดังขึ้น
4. การเมืองแบบผู้นำเดี่ยว: ปัจจัยที่คาดการณ์ได้ยาก
การเมืองแบบผู้นำเดี่ยว (Strongman politics) ทำให้ยุทธศาสตร์องค์กรยากขึ้น และการเมืองระหว่างประเทศคาดการณ์ได้น้อยลง ตั้งแต่ ทรัมป์, สี จิ้นผิง, ปูติน ไปจนถึง โมดี ผู้นำที่ครอบงำการเมืองประเทศ ทำลายบรรทัดฐาน และปลูกฝังลัทธิบูชาตัวบุคคล กำลังบริหารรัฐที่มีพลังและอำนาจมากที่สุด
แนวโน้มนี้ท้าทายบริษัทข้ามชาติอย่างยิ่ง เนื่องจากกรอบกฎหมายและข้อบังคับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และบริษัทต่าง ๆ ถูกบังคับให้ต้องเอาใจผู้นำเดี่ยวโดยตรง นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสที่ความขัดแย้งทางการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะภูมิรัฐศาสตร์มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
5. เทคโนโลยีทำให้เกิดการรวมศูนย์อำนาจและความตึงเครียด
อนาคตทางเทคโนโลยีเป็นแบบ สองขั้ว (Bipolar) ไม่ใช่พหุภาคี: มีเพียงสหรัฐฯ และจีนเท่านั้นที่เป็นผู้นำในการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ (AI) นักวิเคราะห์ระบุว่า ประเทศส่วนใหญ่จะถูกจับอยู่ระหว่าง "ยักษ์ใหญ่สองขั้ว" ที่กำลังทำสงครามเพื่อแย่งชิง การครอบงำทางเศรษฐกิจ การทหาร และภูมิรัฐศาสตร์
ความเป็นไปได้ที่โลกกำลังเข้าใกล้การค้นพบ ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) ครั้งใหญ่ ทำให้การถกเถียงเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกและข้อจำกัดทางเทคโนโลยีอื่น ๆ มีความเร่งด่วนมากขึ้น และทำให้การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความดุเดือดและสำคัญอย่างยิ่ง
6. การสงบศึกชั่วคราวระหว่างจีน-สหรัฐฯ ถึงคราวล่มสลาย
การสงบศึกชั่วคราวระหว่าง ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง เมื่อเดือนที่แล้ว ถูกมองว่า ถึงคราวล่มสลาย สองประเทศกำลังแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อครอบงำนวัตกรรมแห่งอนาคต จีนกำลังสะสมกำลังทหารอย่างรวดเร็วเพื่อล้มล้างอำนาจของสหรัฐฯ ในแปซิฟิก และการโจมตีทางไซเบอร์ได้เจาะลึกเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของอเมริกา
แม้ว่าการสงบศึกชั่วคราวเป็นไปได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังไม่พร้อมสำหรับการตัดขาดทางเศรษฐกิจโดยสมบูรณ์ แต่ความไม่ไว้วางใจทางยุทธศาสตร์นั้นรุนแรงเกินกว่าที่จะนำไปสู่เสถียรภาพที่ยั่งยืนได้ บริษัทต่าง ๆ จึงควรคาดการณ์ความสัมพันธ์ที่ตกต่ำในระยะยาว ซึ่งจะมีวิกฤตเป็นระยะ ๆ ทำให้ตลาดและห่วงโซ่อุปทานสั่นคลอน
7. อำนาจ สหรัฐฯ ยืนยง แต่วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน
ความไม่แน่นอนในระดับสูงสุดในปัจจุบันคือ อำนาจของสหรัฐฯ นั้นยั่งยืน แต่วัตถุประสงค์ของอเมริกานั้นคลุมเครือ ส่วนแบ่งในเศรษฐกิจโลกของสหรัฐฯ ยังคงใกล้เคียงกับทศวรรษ 1970 และไม่มีประเทศใดเทียบเท่ากับศักยภาพทางทหารของตนได้
ทว่า มหาอำนาจนี้กลับแสดงความสนใจน้อยลงในการรักษาระบบเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง การส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตย หรือการรักษากฎเกณฑ์ที่สำคัญ เช่น ข้อห้ามการผนวกดินแดนโดยใช้กำลัง
สหรัฐฯ ที่ยังคงมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์สามารถบรรเทาความไม่มั่นคงของโลกได้ แต่หากอเมริกากลายเป็น มหาอำนาจที่ต้องการปรับเปลี่ยนระเบียบโลก (revisionist superpower) ซึ่งทำลายระบบการค้าและบรรทัดฐานโลก ก็จะทำให้สถานการณ์แย่ลงเป็นส่วนใหญ่
8. ความผันผวนนำมาซึ่งโอกาสและความเสี่ยง
ความผันผวนนำมาซึ่งโอกาสเช่นเดียวกับอันตราย เราได้เห็นแล้วว่าความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร (เช่น สงครามในยูเครนทำลายตลาดอาหารและพลังงาน หรือความตึงเครียดเรื่องไต้หวันสั่นคลอนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์)
อย่างไรก็ตาม การจัดระเบียบใหม่ยังนำมาซึ่งการสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ ๆ ทางเทคโนโลยี (เช่น โดรนและ AI) และระดับการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่สูงขึ้น สัญญาณเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดการสำรวจความสัมพันธ์ใหม่ ๆ เพื่อรับประกันห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบทางยุทธศาสตร์ เช่น ธาตุหายาก
ความเชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์จึงไม่ใช่ทางเลือกเสริมสำหรับผู้กำหนดนโยบายขององค์กรอีกต่อไป เพราะความไม่มั่นคงทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจได้ผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก การทำแผนที่ภูมิประเทศของโลกที่ไร้ระเบียบนี้ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการระบุความเสี่ยงที่ผู้นำองค์กรต้องจัดการ ตลอดจนโอกาสที่พวกเขาสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2025-11-13/multinationals-aren-t-ready-for-the-us-china-clash