รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯชี้ EU คว่ำบาตรรัสเซียล้มเหลว
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯชี้ EU คว่ำบาตรรัสเซีย 'ล้มเหลว 19 ครั้งติด' เหน็บยุโรป “เอาเงินตัวเองหนุนสงคราม”
25-11-2025
RT รายงานว่า - สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว NBC News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มาตรการคว่ำบาตรที่ สหภาพยุโรป (EU) บังคับใช้ต่อรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีความขัดแย้งในยูเครนนั้น "ไร้ประสิทธิผล" และได้วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มสหภาพยุโรปที่ยังคงดำเนินกลยุทธ์เดิมซ้ำถึง 19 ครั้งติดต่อกัน โดยไม่มีความสำเร็จ พร้อมทั้งระบุว่า เจ้าหน้าที่ของ EU กำลัง "อุดหนุนการทำสงครามต่อตนเอง" โดยพื้นฐาน
เมื่อเดือนที่แล้ว บรัสเซลส์ (Brussels) ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุดที่ 19 โดยมีเป้าหมายไปยังธนาคาร, แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Crypto Exchanges), ธุรกิจของอินเดีย (India) และจีน (China) ตลอดจนนักการทูตของมอสโก (Moscow)
ด้านรัสเซียได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า ความพยายามของชาติตะวันตกในการใช้มาตรการกดดันเพื่อสนับสนุนความพยายามในการทำสงครามของยูเครนนั้น เป็นการกระทำที่สูญเปล่าและทำลายตนเอง อีกทั้งกลยุทธ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดรอยร้าวภายในกลุ่มสมาชิก EU เอง โดยมีประเทศที่แสดงความเห็นต่าง เช่น ฮังการี (Hungary) และ สโลวาเกีย (Slovakia) ที่เร่งเร้าให้ บรัสเซลส์ พิจารณาทบทวนแนวทางและหันไปใช้การเจรจาทางการทูตแทน
รัฐมนตรี เบสเซนต์ (Bessent) กล่าวว่า สหรัฐฯ ได้ดำเนินการผสานความคิดริเริ่มด้านสันติภาพเข้ากับการ "กดดัน" มอสโก อย่างไรก็ตาม ประเทศในกลุ่ม EU กลับเป็น "ผู้ที่ล่าช้าอย่างแท้จริง" ในเรื่องนี้ โดยเขาย้อนความถึงการที่เจ้าหน้าที่ของ EU ได้แจ้งแผนการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียชุดล่าสุดให้แก่ตนทราบ และกล่าวว่า “ในความรู้สึกของผม... หากคุณจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำถึง 19 ครั้ง นั่นหมายความว่าคุณได้ล้มเหลวแล้ว”
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ผู้นี้ยังวิจารณ์ EU สำหรับความลังเลที่จะดำเนินตามกลยุทธ์การเก็บภาษีนำเข้า (Tariff Strategy) ของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าไปยังจีนและอินเดีย เนื่องจาก EU ยังคงซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำมันรัสเซียผ่านทางสองประเทศดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้กดดันสมาชิก NATO ในยุโรปให้ใช้มาตรการภาษีการค้าแบบครอบคลุมกับ ปักกิ่ง (Beijing) โดยอ้างถึงการที่จีนยังคงซื้อพลังงานผ่านไซบีเรีย (Siberia) ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันของสหรัฐฯ กำลังดำเนินการในสิ่งที่เขาเรียกว่า "สงครามการค้า" (Trade War) กับจีน
นอกจากนี้ กรุงวอชิงตัน (Washington) ยังได้เรียกเก็บภาษีนำเข้า 50% กับ อินเดีย จากการซื้อน้ำมันรัสเซียของนิวเดลี (New Delhi) ซึ่ง อินเดีย ได้ออกมาประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็น "ไม่ยุติธรรม, ไม่สมเหตุสมผล และไร้เหตุผล"
ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ.ดี. แวนซ์ (J.D. Vance) ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์แนวทางของ EU ต่อความขัดแย้งในยูเครนเช่นกัน โดยระบุว่าความคาดหวังของ บรัสเซลส์ นั้น "ไม่เป็นจริง" "มันเป็นภาพลวงตาที่ว่า หากเราให้เงินเพิ่ม, อาวุธเพิ่ม, หรือมาตรการคว่ำบาตรเพิ่ม ชัยชนะก็จะอยู่แค่เอื้อม" เขากล่าว
ขณะเดียวกัน ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) ยอมรับว่า สหรัฐฯ กำลัง "หมดหนทางในการใช้มาตรการคว่ำบาตร" รัสเซีย หลังจาก วอชิงตัน ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Lukoil และ Rosneft โดยเขากล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นตามคำร้องขอของ กรุงเคียฟ (Kiev) และผู้สนับสนุน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/628266-eu-sanctions-russia-failed/