.
โซมาเลียเดือด! ผนึกกำลังอาหรับ-แอฟริกาใต้ ค้านอิสราเอลจี้อิสราเอลถอนรับรอง "โซมาลีแลนด์" ชี้ละเมิดอธิปไตย–เปิดช่องแผนย้ายถิ่นชาวปาเลสไตน์
29-12-2025
Al Jazeera รายงานว่า รัฐบาลโซมาเลีย (Somalia) ยื่นคำขาดให้อิสราเอล (Israel) กลับลำการตัดสินใจรับรองสถานะของภูมิภาคโซมาลีแลนด์ (Somaliland) ที่ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช พร้อมประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็นพฤติกรรม "ก้าวร้าวที่จะไม่มีวันได้รับความยินยอม"
อาลี โอมาร์ (Ali Omar) รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านการต่างประเทศของโซมาเลีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลจาซีรา (Al Jazeera) เมื่อวันเสาร์ว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกช่องทางทางการทูตเพื่อตอบโต้สิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "การก้าวร้าวโดยรัฐ" และการแทรกแซงกิจการภายในของโซมาเลียโดยอิสราเอล
การตำหนิอย่างรุนแรงนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากอิสราเอลกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้การรับรองสถานะของโซมาลีแลนด์อย่างเป็นทางการ ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสประณามอย่างรวดเร็วจากกลุ่มประเทศในแอฟริกาและอาหรับ พร้อมทั้งก่อให้เกิดความกังวลว่าความเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลับของอิสราเอลในการบังคับย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์ (Palestinians)
โซมาลีแลนด์ได้ประกาศแยกตัวออกจากโซมาเลียในปี 1991 หลังสงครามกลางเมืองที่ดุเดือด แต่ไม่เคยได้รับการรับรองจากรัฐสมาชิกสหประชาชาติ (UN) แม้แต่ประเทศเดียว แม้ว่าสาธารณรัฐที่ประกาศตนเองแห่งนี้จะมีการจัดตั้งสกุลเงิน ธงชาติ และรัฐสภาเป็นของตนเองก็ตาม
ข้อกล่าวหาเรื่องการอพยพชาวปาเลสไตน์
โอมาร์กล่าวหาอิสราเอลว่าพยายามรับรองสถานะโซมาลีแลนด์เพื่อใช้เป็นพื้นที่รองรับการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา (Gaza) ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศของปาเลสไตน์ (Palestine) ได้ออกมาสนับสนุนท่าทีของโซมาเลีย โดยระบุว่าอิสราเอลเคยระบุชื่อโซมาลีแลนด์เป็นจุดหมายปลายทางในการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ และถือว่าเรื่องนี้เป็น "เส้นตาย" (Red line) ที่ข้ามไม่ได้
ท่าทีของผู้นำระดับโลก
เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้วางกรอบความสำเร็จทางการทูตครั้งนี้ว่าสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords) และระบุว่าเขาจะยกประเด็นโซมาลีแลนด์ขึ้นหารือกับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แห่งสหรัฐฯ (US) ในการพบปะวันจันทร์นี้ พร้อมทั้งเชิญ อับดีราห์มาน โมฮาเหม็ด อับดุลลาฮี (Abdirahman Mohamed Abdullahi) หรือ "ซิโร" (Cirro) ประธานาธิบดีโซมาลีแลนด์ไปเยือนอิสราเอล
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้รักษาระยะห่างจากเนทันยาฮูในประเด็นนี้ โดยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ (The New York Post) ว่าเขาจะไม่ดำเนินรอยตามอิสราเอลในการรับรองสถานะดังกล่าว ซึ่งท่าทีนี้ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากรัฐมนตรีโยธาธิการของโซมาเลียที่ได้โพสต์ข้อความขอบคุณทรัมป์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
การคัดค้านจากองค์กรระหว่างประเทศ
มาฮามูด อาลี ยูซูฟ (Mahamoud Ali Youssouf) ประธานสหภาพแอฟริกา (African Union - AU) ปฏิเสธการริเริ่มใดๆ ที่จะรับรองโซมาลีแลนด์เป็นประเทศเอกราช โดยเตือนว่าจะสร้างบรรทัดฐานที่อันตรายและส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยยึดหลักการความข้ามพ้นไม่ได้ของเส้นเขตแดนที่ได้รับสืบทอดมาตั้งแต่การประกาศเอกราชในปี 1964
ขณะที่ อาเหม็ด อาบูล เกต์ (Ahmed Aboul Gheit) เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ (Arab League) ได้ประณามการกระทำที่เขาสรรหาคำว่าเป็น "การรุกรานที่ยั่วยุต่ออธิปไตยของรัฐอาหรับและแอฟริกา" และถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
แม้จะมีปฏิกิริยาคัดค้านจากนานาชาติ แต่ในเมืองฮาร์เกซา (Hargeisa) เมืองหลวงของโซมาลีแลนด์ ประชาชนหลายพันคนได้ออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนเมื่อวันศุกร์ โดยมองว่านี่คือการสิ้นสุดของการถูกโดดเดี่ยวทางการทูตตลอด 30 ปีที่ผ่านมา โดยมีการประดับธงชาติอิสราเอลไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเพื่อต้อนรับความสำเร็จในครั้งนี้
ทั้งนี้ โซมาเลียมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับอิสราเอลมาอย่างยาวนาน โดยมีสาเหตุมาจากความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างอิสราเอลกับเอธิโอเปีย (Ethiopia) ซึ่งเป็นคู่ปรับในภูมิภาค โดยในยุคสงครามเย็น อิสราเอลเคยให้การสนับสนุนด้านอาวุธและการฝึกทหารแก่เอธิโอเปียในการสู้รบกับโซมาเลียในสงครามโอกาเดน (Ogaden War) ปี 1977 ซึ่งนำไปสู่ความไม่สงบในโซมาเลียมาจนถึงปัจจุบัน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.aljazeera.com/news/2025/12/28/somalia-condemns-israels-recognition-of-somaliland-as-naked-invasion