อิสราเอล'เดินหน้ายึดครองกาซา

อิสราเอล'เดินหน้ายึดครองกาซา ท้าทายเสียงประณามทั่วโลก‘เนทันยาฮู’ ไม่หวั่นมีทรัมป์หนุนหลัง
8-8-2025
Bloomberg รายงานว่า ในขณะที่ภาพของชาวกาซา (Gazan) ที่เผชิญกับภาวะทุพโภชนาการและอดอยากเผยแพร่ออกสู่สื่อทั่วโลก แรงกดดันต่อรัฐอิสราเอล (Israel) ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ให้เพิ่มการส่งมอบอาหารและยุติการสู้รบเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องให้อิสราเอล (Israel) ยอมรับการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ (Palestinian) ด้วย
ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายหมื่นคนจากความขัดแย้ง ในขณะที่กลุ่มฮามาส (Hamas) ยังคงไม่ถูกทำลาย และตัวประกันยังถูกควบคุมตัว ส่งผลให้อิสราเอล (Israel) กำลังถูกมองว่าเป็นประเทศนอกคอกในเวทีโลก ท่ามกลางเสียงประณามจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำบาตรด้านอาวุธ การออกหมายจับ หรือการคว่ำบาตรทางวัฒนธรรม แต่แทนที่จะยอมอ่อนข้อ อิสราเอล (Israel) กลับแสดงท่าทีท้าทายและกำลังนิยามตัวตนของตนเองใหม่
แดน เมอริโดร์ (Dan Meridor) อดีตรัฐมนตรีในสมัยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) กล่าวว่าอิสราเอล (Israel) กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงลึก ซึ่งคล้ายคลึงกับการเพิ่มขึ้นของลัทธิประชานิยม (populism) ในหลายประเทศทั่วโลก แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือการเกิดขึ้นของกลุ่มคนที่เชื่อว่าลัทธิไซออนิสต์ (Zionism) ไม่ใช่ขบวนการฟื้นฟูชาติของมนุษย์ แต่เป็นกระบวนการไถ่ถอนของพระเจ้า
ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา การกระทำของอิสราเอล (Israel) ได้เปลี่ยนแปลงดุลอำนาจเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง (Middle East) อย่างสิ้นเชิง อิสราเอล (Israel) ได้สังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลลาห์ (Hezbollah) ในเลบานอน (Lebanon) ทำลายขีปนาวุธพิสัยไกลส่วนใหญ่ของกลุ่ม ส่งเครื่องบินรบโจมตีกลุ่มฮูตี (Houthis) ในเยเมน (Yemen) และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน (Iran) นอกจากนี้ยังทำลายฐานที่มั่นทางทหารในซีเรีย (Syria) และส่งกำลังทหารประจำการในซีเรีย (Syria) และเลบานอน (Lebanon) อีกด้วย ขณะที่ในเขตเวสต์แบงก์ (West Bank) อิสราเอล (Israel) ได้อนุมัติการขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวยิว (Jewish) ครั้งใหญ่ และสกัดกั้นความช่วยเหลือในฉนวนกาซา (Gaza) ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง
สื่ออิสราเอล (Israel) รายงานว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเข้ายึดครองฉนวนกาซา (Gaza) อย่างสมบูรณ์ โดยจะเริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไปในเมืองกาซา (Gaza City) และบริเวณโดยรอบ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนหลายแสนคนต้องย้ายถิ่นฐานและอาจใช้เวลานานหลายเดือน การเคลื่อนไหวนี้จะยิ่งทำให้อิสราเอล (Israel) ถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ รวมถึงชาวอิสราเอล (Israeli) จำนวนมากที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม ในขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้เตือนว่ากาซา (Gaza) กำลังจะเผชิญกับภาวะอดอยากครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดสำหรับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู (Netanyahu) คืออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีท่าทีคัดค้าน โดยนายไมค์ ฮักกาบี (Mike Huckabee) เอกอัครราชทูตของเขาได้กล่าวว่า นายทรัมป์ (Trump) เคารพสิทธิของอิสราเอล (Israel) ในการทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อปกป้องตัวเองและนำตัวประกันกลับคืนมา
หนึ่งปีที่แล้ว อิสราเอล (Israel) เคยดูเปราะบางกว่านี้ แต่ปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้นำอย่างนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู (Netanyahu) ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าประเทศของเขากำลัง "เปลี่ยนโฉมหน้าของตะวันออกกลาง (Middle East)" ศาสตราจารย์ไกย์อิล ทัลเชียร์ (Gayil Talshir) จากมหาวิทยาลัยฮีบรู (Hebrew University) ได้ชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดอย่างรุนแรงระหว่างอำนาจทางการทหารของอิสราเอล (Israel) กับภาพความอดอยากในฉนวนกาซา (Gaza) และกล่าวว่าภาวะอดอยากอาจเอาชนะอำนาจนั้นได้ แต่ผลสำรวจกลับพบว่าชาวยิว (Jewish) ในอิสราเอล (Israel) ถึง 79% ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ในกาซา (Gaza) เลย โดยการประท้วงในอิสราเอล (Israel) มุ่งเน้นที่การเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันมากกว่าความเป็นห่วงพลเรือนปาเลสไตน์ (Palestinian)
กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซา (Gaza) ซึ่งบริหารโดยกลุ่มฮามาส (Hamas) ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตเกิน 61,000 คนแล้ว รวมถึงผู้หญิงและเด็กจำนวนมาก นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กล่าวประณาม "ความน่าสะพรึงกลัว" ที่เกิดขึ้นและชี้ว่าเป็น "การเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิงต่อกฎหมายระหว่างประเทศ" แม้แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็ยังยอมรับว่ามี "ภาวะอดอยากที่แท้จริง" ในกาซา (Gaza) ขณะที่อิสราเอล (Israel) ปฏิเสธแต่ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการจัดส่งอาหารพร้อมยืนยันว่าจะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันตัวเอง รวมถึงการขัดขวางการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ (Palestinian) ทุกรูปแบบ โดยอ้างว่าจะเป็นการให้รางวัลแก่กลุ่มฮามาส (Hamas) ซึ่งเป็นจุดยืนที่ขัดแย้งกับ 150 ประเทศทั่วโลกที่อาจจะยอมรับรัฐปาเลสไตน์ (Palestinian) ในการประชุมองค์การสหประชาชาติ (UN) เดือนกันยายนนี้
เส้นทางของอิสราเอล (Israel) สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในตุรกี (Turkey) ซึ่งทั้งสองประเทศมีอดีตที่ปกครองโดยกลุ่มชนชั้นนำแบบโลกนิยม (secular) แต่ได้เปลี่ยนไปสู่การปกครองแบบประชานิยมทางศาสนา (religious populism) ผ่านการเลือกตั้ง ผลที่ตามมาคือความตึงเครียดภายในระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มโลกนิยม (secular liberals) ซึ่งเห็นได้จากการที่อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงเรียกร้องให้ยุติสงครามในกาซา (Gaza) การโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม (Oct. 7) ทำให้ทั้งอิสราเอล (Israel) และปาเลสไตน์ (Palestinian) มีแนวทางที่แข็งกร้าวขึ้น โดยกลุ่มฮามาส (Hamas) ยังคงได้รับคะแนนนิยมเหนือกลุ่มฟาตาห์ (Fatah) ซึ่งมีแนวทางสายกลางกว่า และยืนยันว่า "อาวุธคือสิ่งที่เปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์"
ปัจจุบัน ชาวอิสราเอล (Israeli) และชาวปาเลสไตน์ (Palestinian) ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธแนวทางสองรัฐ (two-state solution) โดยต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการสันติภาพ แต่ในอดีตเคยมีผู้นำอิสราเอล (Israel) อย่างนายกรัฐมนตรีแอเรียล ชารอน (Ariel Sharon) ที่เคยถอนทหารและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิว (Jewish) ออกจากฉนวนกาซา (Gaza) เพื่อปูทางสู่การอยู่ร่วมกัน แต่หลังจากการเลือกตั้งในปี 2006 กลุ่มฮามาส (Hamas) กลับชนะและยึดอำนาจด้วยการทำรัฐประหาร ทุกวันนี้ ชาวอิสราเอล (Israeli) ส่วนใหญ่มองว่าการถอนตัวครั้งนั้นเป็นความผิดพลาด และกลุ่มฝ่ายขวาจัดรวมถึงรัฐมนตรีคนสนิทของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู (Netanyahu) อย่าง นายเบซาเลล สโมทริช (Bezalel Smotrich) และนายอิตามาร์ เบน-กวีร์ (Itamar Ben Gvir) ก็เรียกร้องให้มีการสร้างการตั้งถิ่นฐานใหม่ในฉนวนกาซา (Gaza) อีกครั้ง
เมื่อหลายประเทศทั่วโลกหันมาวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล (Israel) รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู (Netanyahu) จึงยิ่งพึ่งพาฐานเสียงฝ่ายขวาและกระชับความสัมพันธ์กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาสตราจารย์เอตาน กิลบัว (Eytan Gilboa) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิสราเอล (US-Israeli relations) มองว่าเป็นการเดิมพันที่อันตรายอย่างยิ่ง แม้การสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา (US) จะยังคงมีอยู่ แต่ผลสำรวจชี้ว่ามีชาวอเมริกัน (Americans) เพียง 23% เท่านั้นที่สนับสนุนการกระทำทางทหารในกาซา (Gaza) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าหากกระแสการเมืองในสหรัฐอเมริกา (US) เปลี่ยนไป อิสราเอล (Israel) อาจต้องเผชิญกับหายนะได้
บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู (Netanyahu) ได้ใช้สงครามเพื่อยืดเวลาการถูกดำเนินคดีทุจริตและหลีกเลี่ยงการสอบสวนความล้มเหลวในวันที่ 7 ตุลาคม (Oct. 7) โดยเขาเลือกที่จะปฏิเสธการหยุดยิงและมุ่งมั่นสู่ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเพื่อเอาใจพันธมิตรฝ่ายขวาจัด อย่างไรก็ตาม นายรอน เดอร์เมอร์ (Ron Dermer) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการยุทธศาสตร์ (Strategic Affairs Minister) ยืนยันว่าอิสราเอล (Israel) ต้องทำลายกลุ่มฮามาส (Hamas) และยึดครองกาซา (Gaza) เพื่อส่งข้อความที่ชัดเจนถึงศัตรู โดยให้เหตุผลว่า "ในตะวันออกกลาง (Middle East) หากคุณอ่อนแอ คุณก็จะเป็นเหมือนซากสัตว์ข้างถนน" และ "หนทางเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพคือผ่านความแข็งแกร่ง"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/features/2025-08-06/israel-eyes-gaza-takeover-netanyahu-banks-on-trump-support
Photographer: Ahmad Salem/Bloomberg