อุตสาหกรรมไอทีของอินเดียเริ่มปลดคน

อุตสาหกรรมไอทีของอินเดียเริ่มปลดคน — ปัญหาที่ลึกกว่าคือ AI กำลังเปลี่ยนเกม
5-8-2025
อุตสาหกรรมไอทีของอินเดียกำลังเผชิญกับการปลดพนักงานในวงกว้าง ซึ่งสร้างคำถามใหญ่ตามมาว่า อะไรคือแรงผลักดันที่แท้จริงอยู่เบื้องหลัง แม้ว่าการชะลอตัวของความต้องการทั่วโลกจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่นักวิเคราะห์ก็กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามาเปลี่ยนบทบาทในอุตสาหกรรมที่เคยเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศนี้อย่างไร
Tata Consultancy Services (TCS) ซึ่งเป็นนายจ้างภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีพนักงานไอทีกว่า 500,000 คน ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะปลดพนักงานมากกว่า 12,000 คน ส่วนใหญ่ในระดับ ผู้จัดการกลางและระดับสูง คิดเป็นประมาณ 2% ของพนักงานทั่วโลก — นี่จะเป็นการปลดคนครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่ก่อตั้ง
K. Krithivasan ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการของ TCS ระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดจาก “โอกาสในการจ้างงานที่จำกัด และความไม่ตรงกันของทักษะ” ไม่ใช่เพราะ AI อย่างที่หลายคนกังวล แต่คำชี้แจงนี้ก็ยังไม่อาจสยบความไม่สบายใจที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในประเทศได้ เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่านี่อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมไอที ซึ่งกำลังถูกเร่งโดยบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี AI
TCS และบริษัทไอทีรายใหญ่อื่น ๆ ของอินเดียเคยพึ่งพา แรงงานที่มีทักษะและต้นทุนต่ำ เพื่อให้บริการซอฟต์แวร์แก่ลูกค้าทั่วโลก — โมเดลที่กำลังเผชิญแรงกดดันรุนแรงในยุคที่ AI เริ่มเข้ามา ทำงานซ้ำ ๆ ได้อัตโนมัติ และลูกค้าต่างชาติต้องการ นวัตกรรมที่สูงกว่าเดิม
แรงกระเพื่อมจากวิกฤตไอที: เมื่อโอกาสงานลดลงในประเทศที่ผลิตวิศวกรมากที่สุดในโลก
อุตสาหกรรมไอทีเคยเป็นเส้นทางในฝันของบัณฑิตวิศวกรรมจำนวนมหาศาลในอินเดียมายาวนาน ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีบทบาทอย่างมากในโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น เมื่อเกิดการชะลอตัวในภาคไอที ผลกระทบจึงแผ่กว้างไปทั่วระบบเศรษฐกิจ
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น อินเดียผลิต วิศวกรจบใหม่มากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมไอทีมีพนักงานโดยตรงมากกว่า 5 ล้านคน และคิดเป็น ประมาณ 7.5% ของ GDP อินเดียในปีงบประมาณ 2023
AI: ความท้าทายครั้งใหญ่ของตลาดแรงงานอินเดีย
“การปรับใช้ AI คือความท้าทายใหญ่ของอินเดีย งานประจำระดับเริ่มต้นกำลังถูกแทนที่ และงานระดับกลางกำลังเปลี่ยนรูปแบบ” โซนาล วาร์มา (Sonal Varma), หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อินเดียและเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น), โนมูระ
วาร์มาเสริมว่า ปัญหานี้ส่งผลต่อ ความสามารถในการสร้างงานใหม่ของประเทศ เนื่องจากอินเดียจำเป็นต้อง สร้างงานใหม่ประมาณ 8 ล้านตำแหน่งต่อปี เพื่อรองรับประชากรในวัยแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายได้บริษัทไอทีสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ไม่สดใส
ผลประกอบการล่าสุดของบริษัทไอทีชั้นนำ เช่น TCS, Infosys และ Wipro สะท้อนภาพการชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยรายได้เติบโตเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้หลายฝ่ายมองว่าสาเหตุหลักมาจาก ความไม่แน่นอนเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ลูกค้าอเมริกันลังเลในการวางงบประมาณด้านไอที แต่บางนักเศรษฐศาสตร์ก็เตือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ชั่วคราว
“สัญญาณชะลอตัวล่าสุดในภาคไอทีของอินเดียอาจเป็นเพียง ‘วัฏจักรตามฤดูกาล’
เพราะการส่งออกบริการไปยังสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายลง” ธิราจ นิม, นักเศรษฐศาสตร์และนักกลยุทธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยน, ANZ Research กล่าว
“ถ้าเศรษฐกิจไม่สามารถปรับตัวได้ อาจนำไปสู่การสูญเสียงาน การส่งออกบริการที่ลดลง และการบริโภคในเมืองที่ชะลอตัว ซึ่งทั้งหมดนี้เพิ่มความเสี่ยงให้อินเดียติดกับดักรายได้ปานกลาง” โซนาล วาร์มา
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อินเดียและเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) จากธนาคารโนมูระ กล่าว
ในขณะเดียวกัน ธิราจ นิม เสริมว่า AI จะเป็น “เทรนด์ที่ต้องจับตามองในปีต่อ ๆ ไป” รัฐบาลนิวเดลีได้พยายามกระตุ้นการเติบโตในภาคการผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ รองเท้า และของเล่น เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การย้ายฐานการผลิต (supply chain relocation)
การปลดพนักงานในภาคไอทียังเพิ่มแรงกดดันในตลาดแรงงานที่กำลังตึงตัวอยู่แล้ว เนื่องจากอัตราการว่างงานในเมืองของอินเดียยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยในเดือนมิถุนายนเพิ่มเป็น 7.1% จาก 6.9% ในเดือนพฤษภาคม และ 6.5% ในเดือนเมษายน
อัตราว่างงานของเยาวชนในเมือง ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 29 ปี ก็พุ่งขึ้นใกล้ 19% จาก 17.9% ในเดือนพฤษภาคม และ 17.2% ในเดือนเมษายน ตามรายงานของกระทรวงสถิติ
ที่มา CNBC