.

ปูตินและทรัมป์อาจ “ปรับโฉมระเบียบโลกใหม่” ที่อะแลสกา
11-8-2025
เหตุผลที่ทรัมป์เลือกอะแลสกาเป็นสถานที่ประชุมกับปูติน ทิเบริโอ กราซิอานี ประธานสถาบัน Vision & Global Trends - International Institute for Global Analyses อธิบายว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกรัฐ อะแลสกา เป็นสถานที่จัดประชุมกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ด้วยเหตุผล 2 ประการหลัก:
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะ “ยกระดับบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้เล่นทางการทูต” เพราะบริบททางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของอะแลสกา ซึ่งเคยเป็นดินแดนของรัสเซียมาก่อน และปัจจุบันเป็นของสหรัฐฯ จึงมีความเชื่อมโยงกับทั้งสองประเทศ สะท้อนถึง
“ความใกล้ชิด” ระหว่างทรัมป์กับปูติน
ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึง “ความห่างเหิน” ระหว่างทรัมป์กับสหภาพยุโรป
การเจรจาจะไม่จำกัดแค่ยูเครน กราซิอานีกล่าวว่า การเจรจาระหว่างทรัมป์และปูตินจะไม่ได้มุ่งเน้นที่ยูเครนเพียงอย่างเดียว แต่จะรวมถึงประเด็นสำคัญอื่น ๆ เช่น
การจัดวางโครงสร้างความมั่นคงใหม่ ซึ่งจะบรรเทาความกังวลในเชิง “อยู่รอด” ของรัสเซีย เกี่ยวกับเจตนาของ กรุงบรัสเซลส์และกรุงลอนดอนและในขณะเดียวกันก็ รับรองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในทวีปยุโรป
“พวกเขากำลังทำงานร่วมกันเพื่อ ปรับโฉมระเบียบโลกใหม่” กราซิอานีกล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า ผู้นำทั้งสองมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน: ทรัมป์ ต้องการ “คงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในระบบพหุศูนย์กลางระหว่างประเทศ”
ขณะที่ ปูติน ต้องการ “นิยามระเบียบโลกใหม่” โดยการดึงกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South) เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจและกำหนดทิศทางโลก” สถานที่ประชุมสุดยอดปูติน–ทรัมป์ แสดงถึง “ความใกล้ชิดที่สุด” ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย
เอิร์ล ราสมุสเซน พันโทเกษียณจากกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 20 ปี และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านกิจการระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสปุตนิกว่า: “อะแลสกาเป็นพื้นที่ที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์สูง เพราะตั้งอยู่ในจุดที่สหรัฐฯ ใกล้กับรัสเซียมากที่สุด”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้ ภูมิภาคอาร์กติกยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนา ทั้งในด้านเศรษฐกิจและประเด็นด้านความมั่นคงบางประการ” “แม้การเลือกสถานที่จะดูน่าประหลาดใจ แต่เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจแล้ว อะแลสกาก็อาจเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการจัดการประชุมครั้งนี้”
การหารือจะครอบคลุมมากกว่ายูเครน
ราสมุสเซนระบุว่า แม้ความขัดแย้งในยูเครนและ “ประเด็นความมั่นคงในยุโรปโดยรวม” จะถูกหยิบยกขึ้นหารือ แต่
“ประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งจะเป็น การพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงโอกาสในอนาคต”
เขายังชี้ว่า รัสเซียมีแนวชายฝั่งอาร์กติกที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจา
“แคนาดาเองก็มีผลประโยชน์ในภูมิภาคอาร์กติกอย่างมาก ดังนั้น ปัจจัยเหล่านี้จะมีบทบาททั้งในมิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ครอบคลุมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า”
ยุโรปอาจขัดขวางข้อตกลง
แม้จะมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิด “ความคืบหน้า” ทั้งในเรื่อง
ความขัดแย้งยูเครน
การค้า
และความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย
ราสมุสเซนเตือนว่า
“ยังมีอำนาจบางประเทศในยุโรป — โดยเฉพาะอังกฤษ — ที่อาจพยายามขัดขวางข้อตกลงใด ๆ ก็ตาม”
การพบกันตัวต่อตัวของปูตินและทรัมป์เป็นพัฒนาการเชิงบวก
เอิร์ล ราสมุสเซน ให้ความเห็นว่า “การที่ปูตินและทรัมป์พบกันแบบตัวต่อตัวถือเป็นพัฒนาการในเชิงบวก และความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะเยือนรัสเซียในอนาคตก็เป็นสัญญาณที่ดีเช่นกัน”
เขากล่าวเสริมว่า “การมีบทสนทนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมีความเห็นต่างหรือยังไม่มีข้อยุติ ก็ถือเป็นเรื่องดี
ไม่เหมือนกับนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนที่พยายาม แยกตัวและโดดเดี่ยวรัสเซีย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้ผล”
ผลบวกต่อเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคงโลก
ราสมุสเซนระบุว่า “ในบริบทที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในยุโรป และยังมีสงครามการค้าระดับโลกที่กำลังดำเนินอยู่ การพัฒนาเชิงบวกใด ๆ ที่เกิดจากการประชุมนี้ อาจมีประโยชน์อย่างมาก
ไม่เพียงเพื่อสันติภาพ แต่ยังรวมถึง ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคงระดับโลกด้วย”
ที่มา Sputnik
-----------------------
วอชิงตันจะไม่ให้เงินสนับสนุนยูเครนอีกต่อไป
11-8-2025
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ.ดี. แวนซ์ กล่าวกับ Fox News เมื่อวันอาทิตย์ว่า หากชาติยุโรปยังต้องการสนับสนุนยูเครน พวกเขาสามารถซื้ออาวุธจากผู้ผลิตในอเมริกาได้ และสหรัฐฯ "ไม่ขัดข้อง" กับเรื่องนี้
“แต่เราจะไม่ให้เงินสนับสนุนด้วยตัวเองอีกแล้ว” เขากล่าว
บทสัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่หลังจากแวนซ์ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากยุโรปตะวันตกและยูเครนหลายรายที่กรุงลอนดอน รวมถึงนายเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร สื่อต่างประเทศรายงานว่า การเดินทางของแวนซ์ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปูทางไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรัสเซียในรัฐอะแลสกาในวันศุกร์ โดยการยุติความขัดแย้งระหว่างเคียฟและมอสโกจะเป็นหัวข้อสำคัญของการหารือ
แวนซ์กล่าวว่า หากชาติยุโรป “สนใจความขัดแย้งนี้มากนัก” พวกเขาควรมีบทบาทในการให้เงินสนับสนุนมากขึ้น “ผมคิดว่าชาวอเมริกันเบื่อหน่ายกับการต้องส่งเงินภาษีของตัวเองไปยังสงครามนี้ แต่ถ้ายุโรปอยากก้าวขึ้นมาซื้ออาวุธจากผู้ผลิตในอเมริกา เราก็ไม่ว่าอะไร แต่เราจะไม่ให้เงินเองอีกต่อไป” แวนซ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าทางเลือกที่อยู่ระหว่างการเจรจารวมถึง “การแลกเปลี่ยนดินแดนบางส่วนเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย” พร้อมเสริมว่า วลาดิเมียร์ เซเลนสกี ต้องหาทางอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวตามกฎหมายของยูเครน
ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกี ปฏิเสธข้อเสนอการแลกเปลี่ยนดินแดนโดยเด็ดขาด โดยยืนยันว่า “ไม่มีใครสามารถหรือจะยอมทำข้อตกลงยกดินแดนให้ฝ่ายยึดครอง”
“ชาวยูเครนจะไม่ยกแผ่นดินของตนให้ผู้รุกราน” เขากล่าวอย่างหนักแน่น
ด้านนายคิริลล์ ดมิทรีเยฟ หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายรัสเซียเตือนว่า ประเทศที่พยายามยืดเยื้อความขัดแย้งในยูเครนอาจหาทางขัดขวางการประชุมระหว่างปูตินและทรัมป์ที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ที่มา RT
-------------------------------
ทำเนียบขาวเล็งเชิญ เซเลนสกี ร่วมประชุมเจรจาสันติภาพยูเครน 'ทรัมป์-ปูติน' ที่อลาสกา
11-8-2025
MSNBC รายงานว่า ทำเนียบขาวอยู่ระหว่างพิจารณาเชิญประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) แห่งยูเครน ไปร่วมประชุมที่อลาสกา ในระหว่างที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐฯ วางกำหนดพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ของรัสเซียในสัปดาห์หน้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯและแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการเจรจา แม้การเชิญตัวเซเลนสกีจะยังไม่เป็นทางการ และยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลย้ำว่า "เป็นไปได้อย่างแน่นอน" แหล่งข่าวอีกแห่งกล่าวว่าทุกฝ่าย "คาดหวังอย่างมากให้เกิดขึ้น".
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวระบุเพิ่มเติมว่า ทรัมป์ยังเปิดรับข้อเสนอตั้งวงประชุมสามฝ่ายระหว่างผู้นำสหรัฐฯ รัสเซีย และยูเครน แต่ขณะนี้ทำเนียบขาวให้ความสำคัญกับการวางแผนประชุมทวิภาคีที่ปูตินร้องขอ ขณะที่รัฐบาลยูเครนยังไม่ออกความเห็นต่อกระแสข่าวเชิญประชุมนี้
ทรัมป์ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าเขาจะพบกับปูตินในวันที่ 15 สิงหาคม ณ รัฐอลาสกา โดยตั้งเป้าผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน เดิมทีทำเนียบขาวตั้งเงื่อนไขว่าปูตินควรต้องประชุมกับเซเลนสกีก่อนถึงจะมีประชุมกับสหรัฐฯ แต่ต่อมาทรัมป์ยืนยันว่าไม่ใช่เงื่อนไขบังคับ หากเซเลนสกีเดินทางมาอลาสกาก็ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะมีโอกาสประชุมแบบสามฝ่าย หรือพบปูตินโดยตรงหรือไม่
บรรยากาศการทูตเพื่อยุติสงครามยูเครนกลับคึกคัก หลังทูตพิเศษของทรัมป์ “สตีฟ วิทคอฟฟ์” (Steve Witkoff) พบกับปูตินที่กรุงมอสโก ก่อนถึงเส้นตายวันศุกร์ที่ทรัมป์กำหนดให้ผู้นำรัสเซียต้องตอบรับข้อตกลงหยุดยิง มิฉะนั้นจะเผชิญมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่
แม้ปูตินยังไม่ตอบรับหยุดยิง แต่เสนอร่างข้อตกลงยุติสงครามด้วยเงื่อนไขที่รัสเซียยังคงได้ครองพื้นที่ยูเครนจำนวนมาก ขณะที่เซเลนสกีตอบโต้ทันทีว่า “ยูเครนจะไม่ยอมยกดินแดนให้ผู้รุกราน” ด้านทรัมป์ยังชี้ว่าการยุติสงครามระหว่างรัสเซีย–ยูเครนอาจต้องมี “การแลกเปลี่ยนดินแดนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน” ซึ่งเป็นเรื่องที่เซเลนสกีและพันธมิตรยุโรปเห็นว่าเป็นการเปิดช่องให้รัสเซียขยายอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯยังคงผลักดันให้รัฐบาลยูเครนและผู้นำยุโรปสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ประเทศฝ่ายยุโรปออกแถลงการณ์ร่วมเน้นย้ำจำเป็นต้องรักษาความมั่นคงของยูเครนและยุโรปเป็นสำคัญ
แถลงการณ์ดังกล่าวจากผู้นำฝรั่งเศส (France), อังกฤษ (Britain), อิตาลี (Italy), เยอรมนี (Germany), โปแลนด์ (Poland), ฟินแลนด์ (Finland) และองค์การสหภาพยุโรป (European Union) ระบุว่า “ยังคงยึดมั่นในหลักการที่ว่าเขตแดนระหว่างประเทศจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงด้วยกำลัง” พร้อมเสนอว่า “แนวเส้นติดต่อปัจจุบันควรเป็นจุดเริ่มต้นเจรจา” และเน้นว่า “เส้นทางสู่สันติภาพยูเครนต้องไม่ตัดยูเครนออกจากกระบวนการ".
เซเลนสกีแสดงความขอบคุณและสนับสนุนถ้อยแถลงของผู้นำยุโรป โดยประกาศว่า “จุดจบของสงครามต้องได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรม ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ยังยืนเคียงข้างยูเครนและประชาชนของเราในวันนี้ เพื่อสันติภาพในยูเครนซึ่งคุ้มครองผลประโยชน์ความมั่นคงของชาวยุโรป”
-----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.msnbc.com/the-weekend-primetime/watch/white-house-considers-inviting-zelenskyy-to-high-stakes-trump-putin-summit-244661317776
-------------------------------
ผู้นำยูเครน' ปฏิเสธข้อเสนอทรัมป์ 'ย้ำยูเครนจะไม่ยกที่ดินให้รัสเซีย-แลกเปลี่ยนดินแดน' เพื่อยุติสงคราม
11-8-2025
Politico eu รายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) แห่งยูเครนประกาศปฏิเสธข้อเสนอของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่ระบุว่าสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซียอาจต้องมี “การแลกเปลี่ยนดินแดน” เป็นเงื่อนไขหยุดยิง
“คำตอบต่อประเด็นดินแดนยูเครนมีอยู่ในรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่มีใครจะเบี่ยงเบนจากนี้ได้และไม่มีใครจะทำได้ ชาวยูเครนจะไม่มอบที่ดินให้ผู้รุกราน” เซเลนสกียืนยันในข้อความบน Telegram และสังคมออนไลน์ โดยระบุว่าการตัดสินใจใดที่ไม่มียูเครนเข้าร่วมล้วนเป็น “ข้อตกลงที่ไร้ค่าและไม่ก่อผลลัพธ์”.
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์แถลงว่าประชุมกับวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) จะจัดขึ้นที่รัฐอลาสกาในวันที่ 15 สิงหาคม โดยแผนหารือหยุดยิงอาจมีการ “แลกเปลี่ยนดินแดนเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย” โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าพื้นที่ใดของยูเครนจะถูกนำเสนอให้รัสเซีย แต่แหล่งข่าวระบุว่าเงื่อนไขดังกล่าวให้อำนาจรัสเซียในการครอบครองภูมิภาค Donbas ที่รัสเซียยังควบคุมไม่ครบ.
ฝั่งยุโรป ผู้นำจากอังกฤษ (Britain), เยอรมนี (Germany), ฝรั่งเศส (France), อิตาลี (Italy), โปแลนด์ (Poland), ฟินแลนด์ (Finland) และคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยัน “ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า” ต่อการรักษาอธิปไตย บูรณภาพ และอิสรภาพของยูเครน “ทางออกสู่สันติภาพในยูเครนต้องไม่ตัดยูเครนออกไปจากข้อตกลง” พร้อมย้ำว่าจุดเริ่มต้นของการเจรจาควรอยู่บนแนวเส้นติดต่อในสมรภูมิ โดยต้องไม่เปลี่ยนแปลงพรมแดนด้วยกำลังและต้องได้รับการเห็นชอบจากยูเครนเท่านั้น.
เซเลนสกีระบุว่ายูเครน “พร้อมหารือร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์” แต่ข้อตกลงใดที่ไม่มียูเครนย่อม “เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้ผล” พร้อมเตือนว่า “ข้อตกลงที่ตัดยูเครนออกไป ย่อมเป็นการตัดสันติภาพด้วยเช่นกัน”
บรรยากาศการประชุมก่อน’ซัมมิทหลัก’ในอลาสกา สร้างแรงกดดันจากชาติพันธมิตรต่อทรัมป์และปูตินให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของยูเครนและยุโรป ข้อเสนอล่าสุดของรัสเซียที่ให้ยูเครนสละพื้นที่บางส่วนเพื่อสันติภาพ ถูกตอบโต้ทันทีโดยเซเลนสกีและผู้นำยุโรป “ยูเครนจะไม่ให้รางวัลแก่ผู้รุกราน”.
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.politico.eu/article/zelenskyy-rejects-giving-up-land-to-end-war/