.

ราคาทองคำ'ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ จาก 3 ปัจจัยหลักขับเคลื่อนตลาด
11-8-2025
Business Insider รายงานว่า ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ แตะ 3,534 ดอลลาร์ รับแรงหนุนจากภาษี–ภูมิรัฐศาสตร์–เศรษฐกิจสหรัฐฯ
ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเช้าวันศุกร์ โดยแตะระดับ 3,534 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงสั้น ๆ ก่อนจะปรับฐานลง โดยตั้งแต่ต้นปีราคาทองปรับขึ้นแล้วกว่า 32% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 8% ในช่วงเวลาเดียวกัน นักวิเคราะห์ตลาดการเงินมองว่ามี 3 ปัจจัยหลักที่หนุนให้ราคาทองทะยานขึ้นรอบนี้
ปัจจัยแรก ภาษีของ ‘ทรัมป์’ (Trump) ที่ไม่คาดคิด จากรายงานของสำนักข่าว Financial Times ที่เปิดเผยว่าสหรัฐฯ ได้กำหนดจัดประเภททองคำแท่งภายใต้รหัสศุลกากรที่จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้า หนังสือคำวินิจฉัยของ Customs and Border Protection ลงวันที่ 31 กรกฎาคม ระบุว่า ทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม และ 100 ออนซ์ จะถูกจัดหมวดให้ต้องเสียภาษี เหมือนกับการจัดเก็บกับสินค้าจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองแท่งรายใหญ่ของโลก อาจส่งผลให้ทองคำแท่งต้องเสียภาษีสูงถึง 39% สินค้าที่นำเข้ามาระหว่างวันที่ 9 เมษายน ถึง 7 สิงหาคม อาจอยู่ในข่ายนี้เช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตลาดเข้าใจว่าทองคำแท่งจะได้รับการยกเว้น ภายใต้รหัสศุลกากรอีกประเภทซึ่งครอบคลุม “ทองคำที่ไม่ใช่เงินตราในรูป bullion และ dore” ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่ามีแผนออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อชี้แจงข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีทองแท่งและสินค้าพิเศษอื่น ๆ
ปัจจัยที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ คือ ด้วยมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทั้งระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย และจีน ซึ่งส่งแรงหนุนให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังถูกซื้อเพิ่ม Samer Hasn นักวิเคราะห์อาวุโสของ XS com ชี้ว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) พยายามเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิงในยูเครน โดยใช้มาตรการขึ้นภาษีต่อคู่ค้าหลักของรัสเซีย เช่น อินเดีย พร้อมขู่คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมหากไม่บรรลุข้อตกลงภายในกำหนด และความตึงเครียดที่ยังมีอยู่กับจีน ซึ่งยังไม่สามารถทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายวันที่ 12 สิงหาคม ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงว่าความขัดแย้งอาจปะทุเกินกว่าประเด็นภาษีเพียงอย่างเดียว และจะส่งผลให้นักลงทุนกลับมาถือครองทองคำมากขึ้น
ปัจจัยสุดท้าย คือ ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ตัวเลข GDP ในไตรมาสสองจะขยายตัวแข็งแกร่ง แต่ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอ โดยตัวเลขการจ้างงานเดือนกรกฎาคมต่ำกว่าคาด และการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนถูกปรับลดอย่างมีนัยยะ บวกกับตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลายตัวที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าประเทศอาจเข้าสู่ภาวะ “stagflation” ซึ่งเป็นสภาพที่เศรษฐกิจชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อสูง ถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายต่อการดำเนินนโยบายการเงิน เนื่องจากธนาคารกลางจะไม่สามารถใช้การปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายจึงมองว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญ
นักลงทุนในวอลล์สตรีทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ Goldman Sachs ปรับคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปี 2025 ขึ้นมาที่ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ Ed Yardeni ประธาน Yardeni Research เห็นว่าราคาทองคำอาจพุ่งไปแตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ภายในปี 2025 ท่ามกลางสภาพภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.businessinsider.com/gold-prices-record-high-tariffs-bullion-gold-bars-trump-russia-2025-8