.

ระวัง!! ทรัมป์อาจจะฉวยประโยชน์สร้างTrump Route for International Peace and Prosperity 2 ระหว่างไทยกับกัมพูชา
ดูท่าแล้วความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชามีความคล้ายกับความขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจาน และอาร์เมเนียที่ลงเอยด้วยโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็นพระเอก รับบทเป็นคนกลางระดับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วยการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งจนสามารถบรรลุสนธิสัญญาสันติภาพได้
ทรัมป์ฉกฉวยผลประโยชน์จากความขัดแย้งะหว่างอาเซอร์ไบจาน และอาร์เมเนียเข้ากระเป๋าสหรัฐอเมริกาได้ ในขณะที่ประธานาธิบดีปูตินเสียรู้ ถูกกันไปอยู่ขอบเวที
ข้อตกลงสันติภาพจะนำไปสู่การสร้างอิทธิพลของสหรัฐในดินแดนคอเคซัสที่ตั้งอยู่ระหว่างรัสเซียทางตอนเหนือ และอิหร่านทางตอนใต้ โดยที่สหรัฐจะเข้าร่วมพัฒนา“เส้นทางทรัมป์เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองระหว่างประเทศ” (Trump Route for International Peace and Prosperity) ซึ่งจะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ในดินแดนที่เชื่อมโยงระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนีย
นับว่าเป็นชัยชนะทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญของทรัมป์ ในขณะที่ทรัมป์เตรียมที่จะประชุมซัมมิทกับปูตินที่รัฐอะลาสก้าในวันที่ 15สิงหาคมนี้ เพื่อหาลู่ทางยุติสงครามยูเครน และเขียนแผนผังของระเบียบโลกใหม่
BBC รายงานว่า ในวันที่ 8สิงหาคมที่ผ่านมา ทรัมป์เป็นเจ้าภาพ ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน อิลฮัม อาลิเยฟ และนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย นิโกล ปาชินยาน ได้จับมือกัน หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “ประวัติศาสตร์”
“นี่เป็นเวลานานมากที่รอคอย” ทรัมป์กล่าวถึงข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะช่วยเปิดเส้นทางคมนาคมสำคัญบางเส้นทางระหว่างสองประเทศ และเพิ่มอิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
ผู้นำของอาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจานต่างก็เอ่ยวาจาสนับสนุนให้ทรัมป์เป็นแคนดีเดตรับรางวัลโนเวล สาขาสันติภาพ เพราะว่าสามารถดำเนินการทางการทูตเพื่อให้สองประเทศในเขตคอเคซัสยุติความขัดแย้งและสงครามที่ดำเนินมายาวนานกว่า40ปีได้
คุ้นๆไหม
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาก็เสนอให้ทรัมป์ได้รับรางวัลโนเบลเหมือนกัน ในฐานะที่ทรัมป์ออกมาในวันที่27กรกฎาคมเพื่อเรียกร้องให้ไทยกับกัมพูชาเจรจาหยุดยิงในสงคราม5วัน อันนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในวันต่อมาในเวทีเจรจาที่ประเทศมาเลย์เซีย
ก่อนหน้านี้ ปากีสถาน อิสราเอล และสาธารณรัฐคองโกเสนอรางวัลโนเบลให้ทรัมป์ จากการที่เขาช่วยเจรจาการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ตอนนี้ทรัมป์กำลังไล่ล่ารางวัลโนเบลอย่างเมามัน และคิดว่าคงจะได้ตามกิเลสความอยาก เพราะว่าทุกเรื่องราวมีการจัดฉากไปเรียบร้อยแล้ว
อาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียเคยต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงดินแดนนากอร์โน-คาราบัก ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์เมเนียในอาเซอร์ไบจาน ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 และความรุนแรงก็ปะทุขึ้นมาอีกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สงครามเต็มรูปแบบเกิดขึ้นในช่วงปี 1992 ถึง 1994 ซึ่งสิ้นสุดด้วยการหยุดยิง แต่ไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพขั้นสุดท้าย นากอร์โน-คาราบักและพื้นที่รอบ ๆ อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังชาวอาร์เมเนีย แม้ว่าจะได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน
มีการปะทะกันเป็นระยะ ๆ และเกิดการปะทุขึ้นใหม่ในปี 2016 (สงครามสี่วัน) และอีกครั้งในปลายปี 2020 (สงครามนากอร์โน-คาราบัก 2020) วันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่า อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานได้ให้คำมั่นว่าจะยุติการสู้รบทั้งหมด “ตลอดกาล” รวมถึงเปิดความสัมพันธ์ด้านการเดินทาง ธุรกิจ และการทูต
“วันนี้เรากำลังสร้างสันติภาพในคอเคซัส” อาลิเยฟกล่าว “เราสูญเสียเวลาหลายปีไปกับสงคราม การยึดครอง และการนองเลือด”
ปาชินยานเรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็น “ก้าวสำคัญ” ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
“สู้รบกันมานานถึง 35 ปี แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นมิตร และจะเป็นมิตรต่อไปอีกนาน” ทรัมป์กล่าวในงานดังกล่าว
Al Jazeera รายงานว่า รัฐบาลอิหร่านแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อโครงการเส้นทางขนส่งในพื้นที่คอเคซัส ที่กำหนดไว้ในข้อตกลงสันติภาพระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนีย ภายใต้การผลักดันของสหรัฐฯ Ali Akbar Velayati ที่ปรึกษาอาวุโสของผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศว่าเตหะรานจะขัดขวางการจัดตั้งทางเดินนี้ “ไม่ว่าจะมีรัสเซียร่วมด้วยหรือไม่” พร้อมกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็น “การทรยศทางการเมือง” เจตนาทำลายบูรณภาพดินแดนอาร์เมเนีย
ข้อตกลงที่ประกาศในพิธีลงนามที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่8สิงหาคมที่ผ่านมากำหนดเส้นทาง “Trump Route for International Peace and Prosperity” หรือ TRIPP ให้สิทธิพิเศษแก่สหรัฐฯ ในการพัฒนาเส้นทางถนนผ่านอาร์เมเนีย เชื่อมต่ออาเซอร์ไบจานกับพื้นที่ Nakhchivan ซึ่งมีพรมแดนติดกับพันธมิตรตุรกี เส้นทางนี้จะอยู่ภายใต้กฎหมายอาร์เมเนีย ตัดผ่านพื้นที่ใกล้ชายแดนอิหร่าน ทำให้อิหร่านกังวลเรื่องอิทธิพลของต่างชาติใกล้ขอบเขตตนเอง
ในขณะเดียวกัน รัสเซียซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับอาร์เมเนียแสดงความเห็นเชิงข้อตกลงในวอชิงตันด้วยถ้อยคำที่ระมัดระวัง โดยเน้นว่าการแก้ไขปัญหาควรนำโดยชาติในภูมิภาค มิใช่ต่างชาติ พร้อมเตือนว่าการมีส่วนร่วมของผู้เล่นนอกภูมิภาคควรหนุนการสร้างสันติภาพ ไม่ใช่สร้างความแตกแยกใหม่
แต่ตุรกีในฐานะสมาชิก NATO และพันธมิตรใกล้ชิดของอาเซอร์ไบจาน สนับสนุนโครงการ TRIPP ว่าจะสร้างประโยชน์ทางยุทธศาสตร์โดยเชื่อมโยงยุโรป กับเอเชียผ่านตุรกี อำนวยโอกาสการขนส่งพลังงานและทรัพยากรทางเศรษฐกิจ
หากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่เลิกรา ถึงจุดหนึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ทรัมป์จะเข้ามาแทรกแซงเพื่อฉวยโอกาสเอาประโยชน์ และสร้างภาพความเป็นนักต่อสู้เพื่อปกป้องสันติภาพของโลก โดยที่สี จิ้นผิงประธานาธิบดีของจีนจะเสียรู้ทรัมป์ เหมือนกับที่ปูตินเสียท่าให้กับทรัมป์ในกรณีของข้อตกลงสันติภาพระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน
นึกภาพดูว่า อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน และไทยกับกัมพูชาที่อยู่ห่างจากสหรัฐอเมริกาค่อนโลกมีความขัดแย้ง แต่ต้องเปิดทางให้ทรัมป์เข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในลักษณะที่ชิงความได้เปรียบเชิงภูมิรัฐศาสตร์เหนือรัสเซีย/อิหร่าน และจีนที่มีพื้นที่ใกล้ชิดดินแดนนั้นมากกว่าตามลำดับ ซึ่งจะกระทบความมั่นคงของมหาอำนาจทางโลกตะวันออกในวาระต่อไปข้างหน้า
ในขณะนี้ ฮุน เซนกำลังซ่องสุมกำลังเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นนายที่พรมแดนกับไทย แถมมีการเอากับดักระเบิดมาวางเพิ่มเพื่อยั่วยุกองทัพไทยในลักษณะที่พร้อมจะเปิดฉากปะทะกันอีกรอบสอง แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงกันแล้วในวันที่28กรกฎาคมที่ผ่านมา
หากสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชามีความรุนแรงขึ้น ทรัมป์อาจจะเรียกผู้นำไทย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครในตอนนั้น และฮุน มาเนตไปทำเนียบขาวเพื่อเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพกัน โดยที่ไทยจะเสียดินแดนไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ทรัมป์จะขอเข้าไปร่วมมีเอี่ยวในการพัฒนาแหล่งพลังงานที่อ่าวไทย และสร้างเส้นทางการเดินเรือTrump Route for International Peace and Prosperity 2 ต่อจากเส้นทางที่อาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน ที่จะเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือสัตหีบของไทย กับท่าเรือเรียมของกัมพูชา ซึ่งจะทำให้จีนปวดหัวหนัก
อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะทรัมป์กำลังบ้าให้สหรัฐรุกกินดินแดนเพิ่ม พร้อมรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
By Thanong Khanthong
11/8/2025