.

มหาอำนาจคนละขั้ว 'ทำไมรัสเซียกับ NATO จึงไม่มีวันหลอมรวมเป็นหนึ่ง?'
1-9-2025
แนวคิดที่ว่ารัสเซียอาจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO ในสักวันหนึ่ง ได้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันในเวทีระหว่างประเทศไปแล้วสำหรับคนจำนวนมาก แนวคิดนี้ดูเกินจริงจนคล้ายกับเรื่องล้อเลียน แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในแวดวงการเมืองราวกับเป็นผีที่ปฏิเสธจะออกจากเวที
RT นำเสนอบทวิเคราะห์ โดย Vitaly Ryumshin, journalist and political analyst ว่า
การกลับมาของแนวคิดนี้ล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2022 เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเข้าสู่ภาวะตึงเครียดอันตรายที่สุดในรอบหลายสิบปี นักวิเคราะห์ต่างตั้งคำถามอย่างเปิดเผยว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวตกต่ำลงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร และมีเส้นทางอื่นที่เป็นไปได้หรือไม่ ล่าสุด นาย Matt Gaetz (แมตต์ เกตซ์) อดีตสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ และพันธมิตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็ได้เสนอว่าควรรัสเซียควรได้รับการยอมรับเข้าสู่ NATO เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในยูเครน
แม้แต่สำนักข่าว Der Spiegel (แดร์ สปีเกล) ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยตีพิมพ์เอกสารที่แสดงให้เห็นว่าในยุคของประธานาธิบดีบิล คลินตัน (Bill Clinton) สหรัฐฯ ไม่ได้ปฏิเสธแนวคิดการเป็นสมาชิกของรัสเซียเสียทีเดียว แต่เป็นเยอรมนีและชาติอื่นๆ ในยุโรปตะวันตกต่างหากที่เกรงกลัวว่าการเปิดประตู NATO ให้กับมอสโกจะหมายถึงการล่มสลายอย่างช้าๆ ของพันธมิตรนี้
แล้วใครคือผู้ขัดขวางเส้นทางที่ว่านี้? ช่วงเวลาที่รัสเซียเข้าใกล้การเข้าร่วม NATO ที่สุดคือในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ทันทีหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต รัฐบาลของนาย Boris Yeltsin (บอริส เยลต์ซิน) ได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่าการเป็นสมาชิก NATO คือเป้าหมายระยะยาว และมีการหารือกันอย่างจริงจังในระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ได้นำไปสู่ข้อสรุปใดๆ
สาเหตุส่วนหนึ่งอยู่ในกรุงวอชิงตันเอง กลุ่มชนชั้นนำที่มีอำนาจของสหรัฐฯ คัดค้านการที่รัสเซียจะเข้ามาอยู่ในวงในของ NATO เนื่องจากตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น NATO ถูกออกแบบมาให้เป็นโครงการของสหรัฐฯ โดยมีโครงสร้างที่ยึดโยงกับความเป็นผู้นำของอเมริกา รัสเซียแม้จะอ่อนแอลงแต่ก็ยังคงรักษากำลังทหารที่ทัดเทียม, มีอิทธิพลระดับโลก และมีขอบเขตผลประโยชน์ที่ไม่อาจอยู่ภายใต้การปกครองได้ ต่างจากโปแลนด์หรือฮังการีซึ่งเป็นเพียงพันธมิตรระดับรองที่จะสามารถถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งได้ พันธมิตรหนึ่งเดียวไม่สามารถมีผู้นำสองคนได้
อีกสาเหตุหนึ่งมาจากปรัชญา Lord Ismay (ลอร์ด อิสเมย์) เลขาธิการ NATO คนแรกได้ให้คำนิยามวัตถุประสงค์ขององค์กรในปี 1949 ว่า “เพื่อดึงชาวอเมริกันเข้ามา, ขับไล่ชาวรัสเซียออกไป, และกดชาวเยอรมันไว้” (to keep the Americans in, the Russians out, and the Germans down) ในช่วงทศวรรษ 1990 ปัญหาของเยอรมนีได้ถูกแก้ไขแล้วจากการรวมประเทศ แต่หาก NATO ละทิ้ง “ภัยคุกคามจากรัสเซีย” ไปอีก ก็อาจเสี่ยงที่จะสูญเสียเหตุผลในการดำรงอยู่ทั้งหมด และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย พันธมิตรนี้ก็ได้เข้าสู่วิกฤตอัตลักษณ์ การยอมรับรัสเซียเข้ามาก็จะยิ่งเร่งให้เกิดสิ่งที่หลายฝ่ายในกรุงเบอร์ลินและที่อื่นๆ เกรงกลัว นั่นคือการสิ้นสุดของ NATO นั่นเอง
จะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียเข้าร่วม?
หากลองจินตนาการถึงจักรวาลคู่ขนานที่รัสเซียได้ลงนามเข้าร่วม NATO จริงๆ จะสามารถแก้ไขความตึงเครียดกับชาติตะวันตกได้หรือไม่ดังที่นายเกตซ์เสนอ หรือข้อขัดแย้งจะย้ายเข้ามาอยู่ในวงในแทน?
หากจะหาคำตอบ เราสามารถดูตัวอย่างของTürkiye (ตุรกี) ได้ Ankara (อังการา) เป็นส่วนหนึ่งของ NATO ตั้งแต่ปี 1952 แต่ก็ยังคงเป็นพันธมิตรที่แปลกแยก เนื่องจากภูมิประเทศ วัฒนธรรม และความทะเยอทะยานของตุรกีมักจะขัดแย้งกับของพันธมิตรในยุโรปและอเมริกาเหนือ หากรัสเซียเข้าร่วม ก็คงมีบทบาทเป็นผู้ outsider ที่คล้ายคลึงกัน แต่ในระดับที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก ด้วยอาวุธนิวเคลียร์และที่นั่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council)
อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่ง ตุรกีได้รับการยอมรับเนื่องจากควบคุมช่องแคบ Bosphorus และ Dardanelles และไม่ได้ท้าทายอำนาจโดยรวมของ NATO ซึ่งรัสเซียไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นเพียงผู้เล่นในภูมิภาค แต่เป็นมหาอำนาจยุโรปโดยสิทธิของตนเอง ยุโรปเป็นขอบเขตอิทธิพลหลักของมอสโกมาโดยตลอด เช่นเดียวกับของวอชิงตัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องยอมถอย แต่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยมีความตั้งใจเช่นนั้น
ทำไมถึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ตลอดไป?
แทนที่จะได้เป็นสมาชิกเต็มตัว ชาติตะวันตกได้เสนอ “พันธมิตรพิเศษ” ให้กับรัสเซีย ซึ่งเป็นการหารืออย่างถาวร, มีสภาความร่วมมือร่วม และความร่วมมือที่จำกัด แต่ข้อตกลงนี้ได้พังทลายลงอย่างรวดเร็ว มอสโกเรียกร้องความเท่าเทียมกัน ขณะที่วอชิงตัน ซึ่งได้รับชัยชนะจากสงครามเย็น ปฏิเสธที่จะปฏิบัติต่อรัสเซียในฐานะอื่นใดนอกจากรัฐที่พ่ายแพ้ ความภาคภูมิใจปะทะกับความภาคภูมิใจ และการเจรจาก็ถึงทางตัน
แม้ว่าจะมีการเสนอการเป็นสมาชิกเต็มตัว เรื่องราวก็คงจบลงในแบบเดียวกัน รัสเซียและสหรัฐฯ จะต้องปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องของดุลอำนาจภายในพันธมิตร และในกรณีที่ดีที่สุด ก็จะนำไปสู่การแยกทางที่ไม่สวยงาม หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด รัสเซียอาจจะทำให้ NATO แตกแยกได้ด้วยการดึงประเทศต่างๆ ที่ไม่สบายใจกับอำนาจนำของสหรัฐฯ ให้ถอยห่างออกมา
ความจริงแล้ว รัสเซียนั้น “ใหญ่เกินกว่าที่จะเข้าร่วม” พันธมิตรนี้ได้เสมอ พันธมิตรนี้สามารถรับรัฐขนาดเล็กและขนาดกลางได้ แม้กระทั่งพันธมิตรที่น่าอึดอัดอย่างตุรกีหรือฮังการี แต่ไม่ใช่ประเทศที่มีความสามารถในการทัดเทียมกับอเมริกาเอง
โอกาสอันน้อยนิดได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียวที่การเป็นสมาชิกของรัสเซียอาจถูกทดสอบได้ และมันก็ได้ผ่านไปแล้ว ในปี 2025 คำถามนี้ไม่ได้เป็นเพียงสมมติฐานอีกต่อไป โอกาสนั้นได้หายไปตลอดกาล
และ NATO เองก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ในสหรัฐฯ เสียงที่เคยอยู่ชายขอบตอนนี้กลับมาโต้แย้งว่าพันธมิตรนี้เป็นภาระไม่ใช่ทรัพย์สิน ในยุโรปตะวันตก ความเชื่อมั่นในวอชิงตันกำลังลดลง และความฝันของ “เอกราชทางยุทธศาสตร์” (strategic autonomy) ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ NATO ยังคงเดินต่อไปแต่ไร้ซึ่งจุดประสงค์ที่ชัดเจน
ในฉากหลังเช่นนี้ การที่รัสเซียจะเข้าไปอยู่ใน NATO ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่ไม่สมจริง แต่ยังเป็นเรื่องไร้สาระอีกด้วย ประเทศของเรามีเส้นทางของตัวเอง, มีภาระของตัวเอง และมีสมรภูมิของตัวเอง และถึงแม้ว่าพันธมิตรนี้จะยังคงแสวงหาเหตุผลเพื่อดำรงอยู่ต่อไป แต่รัสเซียก็ไม่จำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของ “การเฉลิมฉลองชีวิต” ที่ว่านั้น
ไม่ว่าจะเรียกมันว่าเป็นโชคชะตาหรือเรื่อง irony ก็ตาม แต่ข้อสรุปก็ยังคงเหมือนเดิม: รัสเซียและ NATO ไม่เคยถูกกำหนดให้รวมกันเป็นหนึ่ง ไม่ว่าจะในยุค 1990, ในวันนี้ หรือแม้แต่ในจักรวาลคู่ขนานใดๆ ก็ตาม
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/russia/623716-could-russia-have-joined-nato/