"ทรัมป์" สั่งแบนวีซ่าเจ้าหน้าที่ยุโรป
"ทรัมป์" สั่งแบนวีซ่าเจ้าหน้าที่ยุโรป ปมเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มเทคฯ เยอรมนี-ฝรั่งเศสตอกกลับ "อธิปไตยดิจิทัล" ไม่ได้ตัดสินที่วอชิงตัน
25-12-2025
Bloomberg รายงานว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศมาตรการคว่ำบาตรด้านวีซ่าต่อ นายเธียร์รี เบรตตัน (Thierry Breton) อดีตข้าหลวงใหญ่แห่งสหภาพยุโรป (EU) พร้อมด้วยบุคคลอื่นอีก 4 ราย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้พยายามบีบบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีของอเมริกาทำหน้าที่เซ็นเซอร์ความคิดเห็นทางการเมืองบนแพลตฟอร์ม
นายมาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “เหล่านักอุดมการณ์ในยุโรปได้ร่วมมือกันบีบบังคับแพลตฟอร์มของอเมริกาเพื่อลงโทษมุมมองที่พวกเขาคัดค้านมานานเกินไปแล้ว รัฐบาลทรัมป์จะไม่ยอมทนต่อการเซ็นเซอร์แบบใช้อำนาจนอกเขตอธิปไตย (Extraterritorial censorship) ที่ร้ายแรงเช่นนี้อีกต่อไป” พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ พร้อมจะขยายรายชื่อคว่ำบาตรเพิ่มเติมหากไม่มีการเปลี่ยนแนวทาง
นอกจากอดีตข้าหลวงใหญ่ EU แล้ว มาตรการนี้ยังมุ่งเป้าไปที่นักกิจกรรมและองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ตรวจสอบวาทะสร้างความเกลียดชัง (Hate speech) ประกอบด้วย นายอิมราน อาเหม็ด (Imran Ahmed) จาก Center for Countering Digital Hate, นางแคลร์ เมลฟอร์ด (Clare Melford) จาก Global Disinformation Index ในสหราชอาณาจักร (UK) รวมถึง นางอันนา-เลนา ฟอน โฮเดนเบิร์ก (Anna-Lena von Hodenberg) และ นางโจเซฟีน บัลลง (Josephine Ballon) ผู้บริหารร่วมขององค์กร HateAid ในเยอรมนี (Germany)
ปฏิกิริยาตอบโต้: "อธิปไตยยุโรปไม่ได้อยู่ที่วอชิงตัน"
ทางด้านองค์กร Global Disinformation Index ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่านี่คือ “การโจมตีโดยเผด็จการต่อเสรีภาพในการพูด” ขณะที่นายเบรตตัน (Breton) ชี้แจงว่ากฎหมายยุโรปได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น พร้อมโต้กลับว่า “การเซ็นเซอร์ไม่ได้อยู่ที่จุดที่คุณคิดหรอก”
ความขัดแย้งนี้แหลมคมยิ่งขึ้นภายหลังแพลตฟอร์ม X ของ นายอีลอน มัสก์ (Elon Musk) พันธมิตรของทรัมป์ เพิ่งถูก EU สั่งปรับเป็นเงิน 120 ล้านยูโร (140 ล้านดอลลาร์) ฐานละเมิกกฎหมายควบคุมเนื้อหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ EU ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวมุ่งเน้นที่ความโปร่งใส ไม่ใช่การเซ็นเซอร์
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) แห่งฝรั่งเศส (France) ยืนยันผ่านโพสต์บน X ว่า กฎระเบียบดิจิทัลของ EU บังคับใช้เพื่อความยุติธรรมในการแข่งขันภายในยุโรปเท่านั้น และมีหลักการว่า “สิ่งใดที่ผิดกฎหมายในโลกออฟไลน์ ก็ต้องผิดกฎหมายในโลกออนไลน์ด้วย” โดยย้ำว่ากฎเกณฑ์ของยุโรปต้องไม่ถูกกำหนดจากภายนอกภูมิภาค
ด้าน นางสเตฟานี ฮูบิก (Stefanie Hubig) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเยอรมนี ประณามข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ว่า “ยอมรับไม่ได้” และพร้อมให้การสนับสนุนองค์กร HateAid อย่างเต็มที่ โดยระบุชัดเจนว่า “กฎกติกาการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลของยุโรปไม่ได้ถูกตัดสินที่วอชิงตัน (Washington)” ขณะที่ผู้บริหาร HateAid มองว่านี่คือการท้าทายอธิปไตยของยุโรปครั้งสำคัญ
ยุทธศาสตร์ความมั่นคงใหม่ของทรัมป์กับรอยร้าวพันธมิตร
การพุ่งเป้าโจมตีอดีตเจ้าหน้าที่ยุโรปครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ (Trump) เผยแพร่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติที่กล่าวหายุโรปว่ากำลังเผชิญกับ “การล่มสลายทางอารยธรรม” (Civilizational erasure) จากปัญหาเศรษฐกิจและการอพยพ ซึ่งพรรคการเมืองกระแสหลักในยุโรปมองว่าเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนกลุ่มการเมืองขวาจัดในทวีป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังสอดคล้องกับท่าทีของรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ (JD Vance) ที่เคยกล่าวหาพรรคการเมืองในยุโรปว่าปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกในการประชุมความมั่นคงมิวนิก (Munich Security Conference) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความขัดแย้งทางอุดมการณ์ที่ฝังรากลึกระหว่างรัฐบาลทรัมป์และกลุ่มผู้นำดั้งเดิมของยุโรปในปัจจุบัน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-12-23/us-sanctions-former-eu-official-others-in-new-swipe-at-europe?srnd=homepage-americas