ท่องเที่ยวไทยอาจสะดุด ฉุดนักท่องเที่ยวต่างชาติหด
ท่องเที่ยวไทยอาจสะดุด ฉุดนักท่องเที่ยวต่างชาติหด 'เหตุปะทะชายแดน น้ำท่วมใต้ เงินบาทแข็งค่า' ขณะมาเลเซีย–เวียดนามเร่งแซง
22-12-2025
SCMP รายงานว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย (Thailand) ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกือบ 1 ใน 8 ของประเทศ กำลังเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในปีนี้ จากเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา (Cambodia) การแข่งขันที่ดุเดือดจากประเทศเพื่อนบ้าน อุทกภัยครั้งใหญ่ และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และแรงดึงดูดของอาณาจักรแห่งนี้ในสายตาชาวโลก
เหตุการณ์การปะทะด้วยอาวุธหนักบริเวณชายแดนจังหวัดตราด (Trat) และ กัมพูชา (Cambodia) ซึ่งกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ได้สร้างความกังวลอย่างหนักต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยรัฐบาลจากหลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ (US), บริเตน (Britain), เยอรมนี (Germany) และ เดนมาร์ก (Denmark) ได้ออกประกาศเตือนให้พลเมืองหลีกเลี่ยงพื้นที่ภายในรัศมี 50 กิโลเมตรจากชายแดนที่ได้รับผลกระทบ แม้ทางการไทยจะยืนยันว่าสถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ข้อมูลล่าสุดระบุว่านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ไทยประมาณ 30 ล้านคน ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงติดอันดับโลก แต่กลับลดลงประมาณร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นิธี สีแพร (Nithee Seeprae) รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ระบุว่ายังไม่มีการยกเลิกการจองห้องพักในแหล่งท่องเที่ยวหลัก อย่างไรก็ตาม เหล่าคนในอุตสาหกรรมมองว่าความมั่นใจของรัฐบาลอาจกำลังบดบังวิกฤตที่ลึกซึ้งกว่านั้น เนื่องจากปีนี้การท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นผู้บริโภค กระแสข่าวขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียที่ทำให้ชาวจีนและเกาหลีใต้กังวล รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่าร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar) ทำให้ภาพลักษณ์ "แหล่งท่องเที่ยวราคาย่อมเยา" ของไทยลดน้อยลงไป นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเปลี่ยนรัฐบาลถึง 3 ชุดภายใน 2 ปี ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบสำคัญ
ขณะที่ไทยกำลังพยายามรักษาเสถียรภาพ คู่แข่งในภูมิภาคอย่าง มาเลเซีย (Malaysia) กลับฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งสูงถึง 28.24 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 และมีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวถึง 47 ล้านคนในปีหน้า ซึ่งอาจแซงหน้าไทยได้ในเชิงปริมาณ ด้าน เวียดนาม (Vietnam) ก็ทำสถิติรับนักท่องเที่ยวสูงถึง 20 ล้านคนในปีนี้ ด้วยจุดแข็งเรื่องราคาที่ถูกกว่าและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว แม้จะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
สำหรับในประเทศไทย ความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มนักท่องเที่ยวเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น วรากร สุขสม (Warakorn Suksom) ผู้ประกอบการเรือตกปลาและสปีดโบ๊ทบน เกาะสมุย (Koh Samui) ระบุว่าแม้ปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและอิสราเอลเข้ามามากขึ้นแทนที่ชาวจีน แต่ทุกคนต่างมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเงินบาทที่แข็งค่า นอกจากนี้ ปัญหาธุรกิจท่องเที่ยวที่ดำเนินการโดยชาวต่างชาติผ่าน "นอมินี" (Nominee) หรือตัวแทนชาวไทย กำลังกลายเป็นความท้าทายใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจจากนักลงทุนชาวจีน อิสราเอล และรัสเซีย ที่ใช้ระบบ "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ทำให้เม็ดเงินกำไรไหลออกนอกประเทศและเข้าถึงมือคนไทยได้ไม่เต็มที่
แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การผ่อนปรนกฎการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00 น. - 17.00 น. ในพื้นที่ท่องเที่ยว และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง แต่ผลกระทบจากภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ที่จมเมืองหาดใหญ่ (Hat Yai) และการสู้รบกับกัมพูชา ก็ยังคงเป็นปัจจัยบั่นทอนสำคัญ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตช้าลงเหลือเพียงร้อยละ 2.2 ในปีนี้ และร้อยละ 1.5 ในปีหน้า ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในระดับภูมิภาค
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/week-asia/economics/article/3337103/rivals-rain-and-rising-costs-thailands-tourism-crown-slips?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article