อาวุธใหม่ของดอลลาร์? Stablecoin ฝันสลายฯ
อาวุธใหม่ของดอลลาร์? Stablecoin ฝันสลายของการกระจายศูนย์ ตอกย้ำอำนาจสหรัฐฯ ผูกขาดทางการเงินโดยบิ๊กเทค
22-12-2025
IMF รายงานว่า ความย้อนแย้งของ Stablecoin: เมื่อนวัตกรรมที่หวังทลายอำนาจตัวกลาง กลับกลายเป็นเครื่องมือตอกย้ำการผูกขาดในระบบการเงินโลก
อุดมการณ์เริ่มแรกของกลุ่มผู้ปฏิวัติคริปโตเคอร์เรนซี (Crypto) ที่ต้องการยุติการผูกขาดของธนาคารกลางและสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่กำลังเผชิญกับภาวะย้อนแย้งครั้งสำคัญ เมื่อ "เหรียญคงที่" หรือ Stablecoin ซึ่งเดิมทีถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของ บิตคอยน์ (Bitcoin) กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่อาจรวมศูนย์อำนาจทางการเงินและเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศแบบเดิม
จากอุดมการณ์กระจายศูนย์ สู่การรวมศูนย์โดยบรรษัท
แม้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จะมีเป้าหมายเพื่อสร้างประชาธิปไตยทางการเงิน แต่ Stablecoin กลับทำหน้าที่เป็นขั้วตรงข้ามของแนวคิดกระจายศูนย์ (Decentralization) เนื่องจากมูลค่าของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมที่โปร่งใสเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "ความเชื่อมั่น" ในสถาบันที่ออกเหรียญ ผู้ให้บริการเหล่านี้เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ว่าใครสามารถใช้เหรียญได้และใช้อย่างไร ซึ่งแตกต่างจากจิตวิญญาณดั้งเดิมของคริปโตที่เน้นมติมหาชน (Public Consensus)
ลดอุปสรรคการโอนเงิน แต่เพิ่มความเสี่ยงจากการเก็งกำไร
ในแง่บวก Stablecoin ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถลดต้นทุนและขจัดอุปสรรคในการชำระเงินข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แรงงานข้ามชาติสามารถส่งเงินกลับบ้านได้ถูกและเร็วกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ในมิติที่ลึกกว่านั้น กิจกรรมที่อ้างว่าเป็น "การเงินแบบกระจายศูนย์" (DeFi) ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นเพียงสนามประลองวิศวกรรมการเงินเพื่อการเก็งกำไร ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเหล่านักลงทุนรายย่อยที่ไม่เข้าใจความเสี่ยงอย่างถ่องแท้
การรุกคืบของบิ๊กเทคและอำนาจดอลลาร์ (Dollar Dominance)
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศการควบคุมในสหรัฐฯ (US) ที่มีแนวโน้มเป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น ประตูได้เปิดกว้างให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง อะเมซอน (Amazon) และ เมตา (Meta - เดิมคือ Facebook ผู้เคยพยายามปั้นโปรเจกต์ Libra หรือ Diem) สามารถออก Stablecoin ของตนเองได้ ซึ่งความน่าเชื่อถือจากงบดุลที่มหาศาลอาจทำให้บริษัทเหล่านี้กวาดล้างผู้เล่นรายย่อย และนำไปสู่การกระจุกตัวของอำนาจทางการเงินมากกว่าการสร้างการแข่งขัน
ที่สำคัญที่สุดคือ Stablecoin ส่วนใหญ่ผูกมูลค่ากับ ดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar) ส่งผลให้เกิดความต้องการเงินดอลลาร์ในระบบชำระเงินโลกเพิ่มขึ้นทางอ้อม ขณะที่เหรียญที่ผูกกับสกุลเงินอื่นอย่าง ยูโร (Euro) หรือ เยน (Yen) ของบริษัทอย่าง เซอร์เคิล (Circle) กลับได้รับความนิยมน้อยกว่ามาก สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำอำนาจของดอลลาร์ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสกุลเงินของประเทศขนาดเล็กที่ประชาชนอาจหันไปเชื่อถือ Stablecoin ของบริษัทข้ามชาติมากกว่าเงินตราท้องถิ่นที่เผชิญภาวะเงินเฟ้อสูง
ความท้าทายด้านการกำกับดูแลสากล
รายงานระบุว่า การแก้ปัญหาต้องอาศัยการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย แต่ในสภาวะที่ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังขาดแคลน แต่ละประเทศมักปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และเขตยูโร (Euro Area) ต่างเดินตามแนวทางของตนเอง ส่งผลให้ประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็กที่มีระบบการเงินอ่อนแออาจถูกทอดทิ้งและต้องรับกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้คำนึงถึงความกังวลของพวกเขา
บทสรุป: แม้ Stablecoin จะช่วยชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของระบบการเงินเดิมและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ แต่หากปราศจากการควบคุมที่สมดุล มันอาจนำไปสู่ระเบียบการเงินใหม่ที่อำนาจกระจุกตัวอยู่ในมือคนไม่กี่กลุ่ม และสร้างความไร้เสถียรภาพที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมในอนาคต
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.imf.org/en/publications/fandd/issues/2025/12/point-of-view-the-stablecoin-paradox-eswar-prasad?fbclid=IwY2xjawO1Bt1leHRuA2FlbQIxMABicmlkETFtQUN4WjhnOWpBT3h1SjFSc3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHmGUVNbWpbD9ghGV4zDV38LxuAHiG-HscX33f7DtFfPaOskdPy7zWOH9xvkz_aem_cDKDOWUQRpuA6OiXLHLFwA