ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเตือนรัฐบาลทรัมป์
ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเตือนรัฐบาลทรัมป์ อย่ามอบสถานะ ‘รัฐนิวเคลียร์’ ให้เกาหลีเหนือ เสี่ยงจุดชนวนโดมิโนนิวเคลียร์ในเอเชีย
27-12-2025
Asia Times รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศออกบทวิเคราะห์เตือนรัฐบาลของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ว่าไม่ควรดำเนินมาตรการทางการทูตใด ๆ ที่อาจตีความได้ว่าเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ให้ เกาหลีเหนือ (North Korea) มีสถานะเป็นรัฐอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากจะบ่อนทำลายนโยบายควบคุมการแพร่ขยายอาวุธทั่วโลก และอาจจุดกระแสการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มเติมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
ในอดีต ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน (Kim Jong Un) ถูกนานาชาติโจมตีอย่างหนัก รัสเซีย (Russia) เคยตีตัวออกห่าง จีน (China) แสดงท่าทีดูแคลน และสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าความก้าวหน้าในความสัมพันธ์กับเปียงยางจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความคืบหน้าในเป้าหมายCVID(Complete, Verifiable, Irreversible Denuclearization) หรือการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และถาวร
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปี 2025 กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ต้องการความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือทั้งกระสุนและกำลังพลในสงครามยูเครน (Ukraine) ที่ยังยืดเยื้อ ขณะที่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) พยายามผูกสัมพันธ์กับคิมอย่างเปิดเผย โดยเชิญเข้าร่วมพิธีสวนสนามครบรอบ 80 ปี แห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้ผู้นำบางประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ของอินเดีย (India) ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดใจ
ด้านสหรัฐฯ เอง ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความต้องการฟื้นการเจรจากับเปียงยางอีกครั้ง แม้คิมจองอึนยังคงปฏิเสธโดยเตือนว่าสหรัฐฯ ต้อง “เลิกหมกมุ่นเรื่องการปลดนิวเคลียร์” ก่อนจะเข้าสู่การหารือระดับเท่าเทียมได้ นักวิเคราะห์บางรายมองว่าเป้าหมายของทรัมป์คือการสร้างเกียรติยศทางการทูต เช่น การผลักดันให้ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ ขณะที่บางฝ่ายหวั่นว่าจะเป็นการส่งสัญญาณปรับลดบทบาทพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ (US–ROK Alliance) ที่ดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลีนานกว่า 70 ปี
ถึงแม้ทรัมป์ได้ย้ำระหว่างการเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนตุลาคมว่า พันธมิตรทั้งสองชาติยังคงมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของอินโด–แปซิฟิก รวมถึงยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่ระบุชัดว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคนี้คือ “รากฐานแห่งเสถียรภาพและความรุ่งเรือง” แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าทำเนียบขาวต้องเดินหมากอย่างระมัดระวัง
บรรณาธิการระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ควรประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายระยะยาวยังคงเป็นการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิง การละเป้าหมายนี้เท่ากับยอมรับเกาหลีเหนือเป็นรัฐนิวเคลียร์ ซึ่งจะบั่นทอนระบอบไม่แพร่ขยายอาวุธ (Non‑Proliferation Regime) และอาจชักจูงให้เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ ไต้หวันหันมาพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง ซึ่งจะเป็นการย้อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงที่สหรัฐฯ ยึดถือมาหลายทศวรรษ
บทวิเคราะห์เสนอด้วยว่า หากมีการจัดประชุมระหว่างทรัมป์กับคิมอีกครั้ง ควรเชิญ ประธานาธิบดีอี แจมยอง (Lee Jae Myung) แห่งเกาหลีใต้เข้าร่วมในรูปแบบ “การประชุมไตรภาคี” เพื่อป้องกันไม่ให้เปียงยางเผยแพร่ภาพว่าซีโอลเป็นเพียงเมืองขึ้นของสหรัฐฯ เช่นเหตุการณ์ปี 2019 ที่อดีตประธานาธิบดีมุน แจอิน (Moon Jae in) ต้องรออยู่ในรถระหว่างที่ทรัมป์เจรจาส่วนตัวกับคิมในเขตปลอดทหาร (DMZ) นานกว่า 50 นาที
หากทรัมป์ยังคงประสงค์เจรจาแบบทวิภาคีกับผู้นำเปียงยาง การประชุมควรย้ายไปจัดนอกคาบสมุทรเกาหลี โดยมีข้อเสนอให้ใช้ เกาะกวม (Guam) ซึ่งอยู่ในดินแดนของสหรัฐฯ เป็นสถานที่ พบปะ เนื่องจากจะช่วยแสดงศักยภาพด้านกำลังอากาศและระบบป้องกันของกองทัพสหรัฐฯ ให้เกาหลีเหนือเห็นโดยตรง
บทความยังกล่าวถึงนโยบายสันติภาพอื่น ๆ ของทรัมป์ เช่น ข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords) และแผนสันติภาพ 20 ข้อที่ผ่านการรับรองจาก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งหากสามารถยุติความรุนแรงในฉนวนกาซา (Gaza) และเปิดทางสู่การก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ได้จริง ก็ถือว่าเป็นผลงานใหญ่ระดับที่คู่ควรกับรางวัลโนเบลสันติภาพอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากรัฐบาลบริหารโดยทรัมป์ดำเนินนโยบายใด ๆ ที่อาจทำให้เกาหลีเหนือได้รับสถานะรัฐอาวุธนิวเคลียร์โดยพฤตินัย จะถือเป็น “ความผิดพลาดเชิงยุทธศาสตร์” และอาจทำให้ทรัมป์กลายเป็นตัวอย่างของ “นโยบายประนีประนอมเกินควร” ราวกับ นีวิลล์ เชมเบอร์เลน (Neville Chamberlain) ผู้นำอังกฤษในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
บทสรุปของบทวิเคราะห์ย้ำว่า ในประเด็นเกาหลีเหนือ สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยังคงเป็นฝ่ายถือความเหนือกว่าเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งสองประเทศจึงควรเป็นผู้กำหนดทิศทางของการเจรจา แทนที่จะปล่อยให้เปียงยางเป็นฝ่ายนำเกม
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/12/advice-to-trump-on-the-next-steps-for-engagement-with-pyongyang/