.
สรุป 'ภาพรวมเอเชียปี 2025 ใครรุ่ง ใครร่วง' ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและภัยพิบัติและการคุกคามจากไซเบอร์สแกม
26-12-2025
CNBC นำเสนอรายงานเชิงวเคราะห์เกี่ยวภับภาพรวมเอเซียในปี 2025 ว่า หลายฝ่ายต่างรู้สึกว่าปีนี้ควรจบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นปีที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและวิกฤตการณ์รอบด้าน
นับตั้งแต่ผลกระทบจากกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ไปจนถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั่วเอเชีย เราได้เห็นทั้งผู้นำหน้าใหม่ที่ทำลายเพดานแก้วความเชื่อแบบเดิม และผู้นำรุ่นเก่าที่ถูกส่งตัวไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court) หรือแม้แต่ถูกตัดสินประหารชีวิตในขณะลี้ภัย (In absentia) ตลอดจนการยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดน การโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายในเอเชียใต้และแปซิฟิก ปัญหาการทุจริตที่เรื้อรัง วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ และขบวนการต้มตุ๋นที่กักขังและบังคับใช้แรงงานทาสยุคใหม่
ในวาระปิดฉากปี 2025 เราขอนำเสนอรายงานสรุปสถานการณ์เพื่อสำรวจผู้ที่มีสถานะย่ำแย่ที่สุดและดีที่สุดในภูมิภาค ดังนี้:
สถานะยอดแย่แห่งปี (Worst Year): เหยื่อขบวนการต้มตุ๋นไซเบอร์ในเอเชีย
ปีนี้เราได้เห็นสึนามิแห่งอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่แผ่ขยายไปทั่วโลก โดยมีต้นตอมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) แก๊งอาชญากรที่ดำเนินงานส่วนใหญ่ในเมียนมา (Myanmar) ลาว (Laos) และกัมพูชา (Cambodia) สามารถฉ้อโกงเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากเหยื่อทั่วโลก
สิ่งที่น่าสลดใจคือ "ผู้กระทำผิด" มักจะเป็น "เหยื่อ" ในเวลาเดียวกัน บุคคลนับแสนถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอการจ้างงานปลอมมายังประเทศเหล่านี้ โดยหลายคนเดินทางผ่านประเทศไทย (Thailand) ก่อนจะถูกกักขังและบังคับใช้แรงงานทาสในศูนย์ต้มตุ๋น (Scam centers) การลักพาตัว หวัง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนที่ถูกล่อลวงด้วยงานแสดงปลอมและถูกบังคับให้ทำงานในขบวนการเมื่อเดือนมกราคม 2025 เป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจต่อวิกฤตนี้อย่างมาก แม้แต่รัฐบาลของทรัมป์ (Trump) ยังให้ความสำคัญ โดย จีนีน ปีโร (Jeanine Pirro) อัยการสหรัฐฯ ระบุว่า "ศูนย์ต้มตุ๋นเหล่านี้กำลังทำให้เกิดการถ่ายโอนความมั่งคั่งจากประชาชนอเมริกันไปสู่กระเป๋าขององค์กรอาชญากรรมจีน"
ความอ่อนแอของรัฐบาลและการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรอาชญากรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เหล่านี้ยังคงดำเนินงานต่อไปได้โดยแทบจะไม่ถูกลงโทษ เหยื่อผู้ถูกบังคับใช้แรงงานในเอเชียจึงถือเป็นกลุ่มที่มีสถานะย่ำแย่ที่สุดในปีนี้ ท่ามกลางความหวังในการหลบหนีและได้รับความช่วยเหลือที่ยังคงริบหรี่
สถานะย่ำแย่ (Bad Year): ผู้ประสบภัยจากดิน ลม น้ำ และไฟ
ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วเอเชียพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ จากภัยพิบัติธรรมชาติที่ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นจากความบกพร่องหรือการทุจริตของมนุษย์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา (Myanmar) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3,600 ราย และส่งผลให้อาคารระฟ้าที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพมหานครพังทลายลงทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบราย นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่ม และพายุไต้ฝุ่นที่ส่งผลกระทบต่อประชากรนับล้านในศรีลังกา (Sri Lanka) ไทย (Thailand) อินโดนีเซีย (Indonesia) เวียดนาม (Vietnam) มาเลเซีย (Malaysia) และฟิลิปปินส์ (Philippines) โดยมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 1,600 ราย
นอกจากนี้ยังมีโศกนาฏกรรมอัคคีภัยที่อาคารที่พักอาศัย "Wang Fuk Court" ในเขตไท่โป (Tai Po) ฮ่องกง (Hong Kong) ซึ่งมีรายงานว่าสัญญาณเตือนไฟไหม้ที่ใช้งานไม่ได้และวัสดุก่อสร้างที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เป็นปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 160 ราย นับเป็นหนึ่งในเหตุเพลิงไหม้ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง
สถานะก้ำกึ่ง (Mixed Year): การลุกฮือของคนรุ่นใหม่ Gen Z
คนรุ่นใหม่กลุ่ม Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997-2012) ที่ขับเคลื่อนด้วยมีมและแฮชแท็ก โดยบางส่วนใช้สัญลักษณ์ธงโจรสลัดจากซีรีส์ "One Piece" ออกมาประท้วงต่อต้านการทุจริต ระบบเครือญาติ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในเนปาล (Nepal) อินโดนีเซีย (Indonesia) ฟิลิปปินส์ (Philippines) มัลดีฟส์ (Maldives) และติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีทั้งสมหวังและผิดหวัง โดย "ชาวดิจิทัล" เหล่านี้ประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลเนปาลได้ แต่คำถามสำคัญที่ยังคงอยู่คือพวกเขาจะสามารถรักษาแรงขับเคลื่อนนี้ให้กลายเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ในระยะยาวได้หรือไม่
สถานะที่ดี (Good Year): ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไผ่ลู่ลม (Bamboo Economic Tactics)
ความยืดหยุ่นยังคงปรากฏชัดในเศรษฐกิจเอเชียที่แม้จะเติบโตช้าลงแต่ยังคงขยายตัว ผู้นำในภูมิภาคเลือกใช้กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นเปรียบเสมือนต้นไผ่ที่ลู่ตามลมแรง เพื่อรับมือกับภาษีศุลกากร "Liberation Day" ของทรัมป์ (Trump) ความจริงจังในเชิงปฏิบัติส่งผลให้สามารถเจรจาลดอัตราภาษีของสหรัฐฯ ลงจากที่เสนอไว้ตอนแรก และมีการปรับโครงสร้างทางการค้าใหม่ เช่น ข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างอินเดีย (India) แคนาดา (Canada) และออสเตรเลีย (Australia) ส่งผลให้เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกด้วยอัตราการขยายตัวราวร้อยละ 5 ตามข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)
สถานะยอดเยี่ยมแห่งปี (Best Year): Soft Power ของจีน
หากเทคโนโลยีและคอนเทนต์สร้างสรรค์คืออำนาจละมุน (Soft Power) รูปแบบใหม่ ปีนี้พิสูจน์แล้วว่า "Made In China" สามารถก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่เทียบชั้นสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้ โดยเริ่มต้นจากการเปิดตัว "DeepSeek" โมเดล AI ราคาประหยัดที่เขย่าวงการเทคโนโลยีโลก และการผงาดของ "Labubu" ตุ๊กตาของสะสมจากค่าย Pop Mart ที่โด่งดังไปทั่วโลกจนได้ปรากฏตัวในขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าของห้าง Macy's ในนิวยอร์ก นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ภาพยนตร์แอนิเมชัน "Ne Zha 2" ที่กวาดรายได้กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และการขยายสาขาของ Luckin Coffee ทั่วเอเชียและสหรัฐฯ สิ่งเหล่านี้ยืนยันว่า Soft Power ของจีน (China) คือผู้ชนะที่แท้จริงของปี 2025
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.cnbc.com/2025/12/24/asias-year-in-review-who-had-it-best-and-who-had-it-worst-in-2025.html