แนวโน้มการลงทุนปี 2026
แนวโน้มการลงทุนปี 2026: เมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่โหมด "เติบโตพอประมาณ" และทองคำมุ่งหน้าสู่สถิติใหม่คาดแตะ $5,000
26-12-2025
Yahoo finance รายงานว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2026 นักลงทุนทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัจจัยท้าทายใหม่ ทั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI มหาศาล และแรงกดดันด้านการว่างงาน อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและผลกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังแข็งแกร่ง อาจเป็นแรงหนุนสำคัญให้สินทรัพย์เสี่ยงยังคงไปต่อได้
S&P 500: กำไรต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ลดลง
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าดัชนี S&P 500 ในปี 2026 จะให้ผลตอบแทนประมาณ 7% ซึ่งถือเป็นระดับที่สมเหตุสมผลหลังจากพุ่งทะยานด้วยเลขสองหลักมาสองปีซ้อน แม้คาดว่าผลกำไรบริษัทจะเติบโตกว่า 12% แต่ราคาหุ้นที่อยู่ในระดับสูง (Valuation) ยังคงเป็นปัจจัยที่น่ากังวล ขณะที่ประเด็นเรื่อง AI จะยังคงสร้างความผันผวนจากการถกเถียงเรื่องความคุ้มค่าของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับศักยภาพที่แท้จริง
หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก: ถึงเวลาเฉิดฉาย?
หลังจากที่หุ้นขนาดเล็ก (S&P 600) และขนาดกลาง (S&P 400) ทำผลงานแพ้หุ้นใหญ่มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ปี 2026 อาจเป็นปีของพวกเขา นักวิเคราะห์มองว่าด้วยมูลค่าหุ้นที่ถูกกว่าและคาดการณ์กำไรที่เติบโตถึง 18% ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มนิ่ง จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อบริษัทขนาดเล็ก โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีและสถาบันการเงิน
ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ยุโรปและตลาดพัฒนาแล้วน่าสนใจ
หุ้นนอกสหรัฐฯ โดยเฉพาะธนาคารในยุโรป มีแนวโน้มเติบโตในระดับเลขหลักเดียวช่วงปลายปี โดยนักยุทธศาสตร์การตลาดมองว่าหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (International Equities) มีข้อดีที่ราคาหุ้นต่ำกว่า ให้อัตราปันผลสูงกว่า และไม่พึ่งพาหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ มากเกินไป
ทองคำ: เป้าหมาย 5,000 ดอลลาร์อยู่แค่เอื้อม
ทองคำที่พุ่งแรงกว่า 50% ในปี 2025 ยังคงมีแรงส่งต่อเนื่องในปี 2026 จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลก สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Bank of America, HSBC และ Goldman Sachs ต่างมีความเห็นพ้องว่าราคาทองคำมีโอกาสพุ่งแตะระดับ 4,900 - 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2026
การวางแผนเกษียณ: กฎใหม่สำหรับผู้มีรายได้สูง
ในปี 2026 สหรัฐฯ จะเริ่มใช้กฎใหม่สำหรับการออมเงินเกษียณ (401(k)):
ผู้มีรายได้เกิน 145,000 ดอลลาร์/ปี และอายุเกิน 50 ปี ต้องสมทบเงินส่วนเพิ่ม (Catch-up) ในรูปแบบหลังหักภาษี (Roth) เท่านั้น
วงเงินสมทบมาตรฐาน 401(k) อยู่ที่ 24,500 ดอลลาร์ และส่วนเพิ่มอีก 8,000 ดอลลาร์
วงเงินสมทบ IRA อยู่ที่ 7,500 ดอลลาร์ และส่วนเพิ่ม 1,100 ดอลลาร์
สรุปปี 2026 จะเป็นปีแห่งการ "กระจายความเสี่ยง" อย่างแท้จริง การย้ายเงินจากหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ไปยังหุ้นขนาดเล็กและตลาดต่างประเทศ รวมถึงการถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญมากที่สุด
---
IMCT NEWS
ที่มา https://finance.yahoo.com/personal-finance/investing/article/stock-market-outlook-183956475.html