.

จีนเดินหน้า Stablecoin หนุนเงินดิจิทัล อ้างอิงหยวน คาดเริ่ม ส.ค.นี้ หวังพลิกโฉมธุรกรรมการเงินโลก
22-8-2025
ทางการจีนกำลังพิจารณาแผนอนุญาตให้ใช้สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ที่มีหยวนเป็นสินทรัพย์หนุน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยมุ่งหวังให้หยวนมีบทบาทมากขึ้นในระบบธุรกรรมการเงินระดับโลก ตามรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ที่อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิด
แหล่งข่าวระบุว่าคณะรัฐมนตรีของจีน หรือ State Council จะทบทวนและอาจอนุมัติแผนการในปลายเดือนนี้ เพื่อส่งเสริมการใช้งานเงินหยวนในระดับโลกให้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการตามให้ทันกับการผลักดัน Stablecoins ของสหรัฐฯ
คาดว่าแผนดังกล่าวจะครอบคลุมเป้าหมายสำหรับการใช้สกุลเงินจีนในตลาดโลก และกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบของหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ โดยแหล่งข่าวเสริมว่าแผนงานนี้จะรวมถึงแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงด้วย นอกจากนี้ยังคาดว่าผู้นำระดับสูงของประเทศจะมีการประชุมเพื่อศึกษาในเรื่องนี้ในช่วงปลายเดือนนี้ โดยจะเน้นไปที่การผลักดันเงินหยวนให้เป็นสากลและ Stablecoins ซึ่งกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ในการประชุมดังกล่าว ผู้นำระดับสูงมีแนวโน้มที่จะกล่าวสุนทรพจน์เพื่อกำหนดทิศทางสำหรับ Stablecoins และขอบเขตการนำไปใช้และการพัฒนาในเชิงธุรกิจ แผนของจีน (China) สำหรับการใช้ Stablecoins นี้ หากได้รับการอนุมัติ จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแนวทางที่เคยใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนหน้านี้ จีน (China) ได้สั่งห้ามการซื้อขายและการขุดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2021 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบการเงิน
จีน (China) มุ่งหวังมานานแล้วที่จะให้เงินหยวนมีสถานะเป็นสกุลเงินระดับโลก เช่นเดียวกับดอลลาร์หรือยูโร เพื่อสะท้อนถึงน้ำหนักในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก อย่างไรก็ตาม การควบคุมเงินทุนที่เข้มงวดและการเกินดุลการค้าต่อปีนับล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายดังกล่าว ผู้มีส่วนร่วมในตลาดกล่าวว่าข้อจำกัดเหล่านั้นน่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา Stablecoins ด้วยเช่นกัน
Stablecoins เป็นคริปโทเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ โดยมักจะตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินทั่วไป (fiat currency) เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ และนิยมใช้โดยผู้ซื้อขายคริปโทฯ เพื่อโอนเงินระหว่างโทเคน (tokens) ต่างๆ
ส่วนแบ่งของเงินหยวนในฐานะสกุลเงินสำหรับการชำระเงินทั่วโลก ลดลงเหลือ 2.88% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบสองปี ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มการชำระเงิน SWIFT ในทางตรงกันข้าม เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีส่วนแบ่งตลาดถึง 47.19%
จีน (China) มีการควบคุมเงินทุนที่เข้มงวดเพื่อบริหารจัดการกระแสเงินทุนเข้า-ออกประเทศ โดยมีโครงการเชื่อมต่อไม่กี่โครงการที่อนุญาตให้เงินทุนสามารถนำไปใช้ในตลาดสำคัญนอกประเทศบางแห่ง เช่น ฮ่องกง (Hong Kong) ในสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้สนับสนุน Stablecoins เพียงไม่กี่วันหลังจากการเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม และกำลังจัดตั้งกรอบการกำกับดูแลเพื่อช่วยให้คริปโทฯ ที่ตรึงมูลค่ากับดอลลาร์เป็นที่ยอมรับ
เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain technology) ซึ่งเป็นรากฐานของ Stablecoins ช่วยให้สามารถโอนเงินได้ทันที, ข้ามพรมแดน และตลอด 24 ชั่วโมงในต้นทุนที่ต่ำ ทำให้ Stablecoins มีศักยภาพที่จะเข้ามาพลิกโฉมการโอนเงินในชีวิตประจำวันและระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนได้ แหล่งข่าวระบุว่าปักกิ่งมองว่านวัตกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะ Stablecoins เป็นเครื่องมือที่มีอนาคตสำหรับการทำให้เงินหยวนเป็นสากล ท่ามกลางอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของคริปโทเคอร์เรนซีที่เชื่อมโยงกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในการเงินโลก
คาดว่ารายละเอียดของแผนจะได้รับการเปิดเผยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยหน่วยงานกำกับดูแลของจีน (China) รวมถึงธนาคารกลาง (People's Bank of China - PBOC) จะได้รับมอบหมายหน้าที่ในการนำไปปฏิบัติ แหล่งข่าวทั้งหมดปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ
ตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มฟินเทคและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoins หลังมีรายงานของรอยเตอร์ (Reuters) ซึ่งเผยแพร่หลังตลาดปิดทำการเมื่อวันพุธ ในฮ่องกง (Hong Kong) หุ้น ZhongAn Online (6060 HK) ปรับขึ้น 11.5% นำกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ที่จดทะเบียนในฮ่องกง (Hong Kong) หุ้นอื่นๆ เช่น Bright Smart Securities (1428 HK) พุ่งขึ้น 9.9% และ Guotai Junan International (1788 HK) เพิ่มขึ้น 8.6%
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
Stablecoins ที่หนุนโดยดอลลาร์สหรัฐฯ ครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 99% ของอุปทาน Stablecoins ทั่วโลก ตามข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements)
ในเอเชีย เกาหลีใต้ (South Korea) ได้ให้คำมั่นว่าจะอนุญาตให้บริษัทต่างๆ ออก Stablecoins ที่อิงกับเงินวอน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ขณะที่ในญี่ปุ่นก็มีโครงการริเริ่มที่คล้ายคลึงกัน ความพยายามล่าสุดของปักกิ่ง (Beijing) เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นกับวอชิงตัน และการที่ผู้ส่งออกชาวจีนหันมาใช้ Stablecoins ที่หนุนโดยดอลลาร์มากขึ้น
แผนล่าสุดนี้เป็นไปตามการประกาศจากหน่วยงานกำกับดูแลในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งระบุว่าได้จัดการประชุมสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อพิจารณาการตอบสนองเชิงยุทธศาสตร์ต่อ Stablecoins และสกุลเงินดิจิทัล ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด นายหวง อี้ผิง (Huang Yiping) ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน (PBOC) บอกกับสื่อท้องถิ่นว่า “มีความเป็นไปได้” ที่จะมีการใช้ Stablecoin ออฟชอร์ที่อิงกับเงินหยวนในฮ่องกง (Hong Kong)
ในอีกส่วนหนึ่ง กฎหมายว่าด้วย Stablecoin ที่ฮ่องกง (Hong Kong) รอคอยมานานมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และทำให้ดินแดนที่จีน (China) ควบคุมแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในตลาดแรกๆ ของโลกที่มีการควบคุมผู้ออก Stablecoin ที่หนุนโดยสกุลเงินทั่วไป (fiat currency) นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าของจีน (China) ก็กำลังจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระหว่างประเทศสำหรับเงินหยวนดิจิทัล (digital yuan) อีกด้วย
ตามแหล่งข่าวระบุว่า ฮ่องกง (Hong Kong) และเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) จะเป็นเมืองหลักในการเร่งรัดการดำเนินการตามแผนล่าสุดในท้องถิ่น คาดว่าจีน (China) จะหารือเกี่ยวกับการขยายการใช้เงินหยวนและ Stablecoins สำหรับการค้าข้ามพรมแดนและการชำระเงินกับบางประเทศในการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation - SCO) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน ที่เมืองเทียนจิน (Tianjin)
ปัจจุบัน ตลาด Stablecoin ทั่วโลกยังมีขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 2.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลจาก CoinGecko ผู้ให้บริการข้อมูลคริปโทฯ อย่างไรก็ตาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered Bank) ประมาณการว่าตลาดนี้อาจเติบโตเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2028
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/markets/asia/china-considering-yuan-backed-stablecoins-boost-global-currency-usage-sources-2025-08-21/
--------------------------
Goldman Sachs คาด Stablecoin เข้าสู่ยุคตื่นทองสกุลเงินดิจิทัล เบสเซนต์'เชื่อมั่นช่วยเสริมดีมานด์พันธบัตรรัฐบาล
22-8-2025
Goldman Sachs คาดการณ์ยุค "Gold Rush" ของ Stablecoin มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ด้านรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เชื่อมั่น Stablecoin จะหนุนตลาดพันธบัตรรัฐบาล ตามรายงานจาก FORTUNE
Goldman Sachs และรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) คาดการณ์ว่าตลาด Stablecoin กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ โดยจะขยายตัวอย่างรวดเร็วเป็นตลาดที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ จากการออกกฎระเบียบใหม่และโอกาสขยายตลาดชำระเงินทั่วโลก
เบสเซนต์เชื่อว่า Stablecoin ซึ่งต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกันทั้งดอลลาร์หรือพันธบัตรสหรัฐฯ จะช่วยหนุนความต้องการซื้อพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้นที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ ตามรายงานจาก Financial Times ที่อ้างข้อมูลจากเจ้าตัวโดยตรง
“เทคโนโลยี Stablecoin จะเสริมสถานะดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองโลก ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และผลักดันดีมานด์พันธบัตรสหรัฐฯ” เบสเซนต์กล่าว พร้อมเสริมว่ากฎหมาย GENIUS Act จะสร้างความชัดเจนเรื่องกฎระเบียบให้ตลาด Stablecoin เติบโตเป็นอุตสาหกรรมขนาดหลายล้านล้านดอลลาร์ในอนาคต
GENIUS Act ซึ่งประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม ได้กำหนดกรอบระเบียบทั้งระดับรัฐและระดับชาติสำหรับ Stablecoin ทั่วประเทศ เพิ่มความชัดเจนให้ตลาดสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซีได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมาย
Goldman Sachs ระบุในรายงานวิจัยฉบับใหม่ว่า “Stablecoin เป็นตลาดขนาด 271,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก และ USDC ของ Circle กำลังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด หลังจากมีการประกาศกฎหมายใหม่ที่ช่วยรับรองความถูกต้องและผลักดันการเติบโตของอีโคซิสเต็มคริปโต” Goldman Sachs คาดการณ์ว่า USDC จะเติบโต 40% ต่อปีระหว่างปี 2024-2027 และรวมแล้ววงเงิน Stablecoin ทั่วโลกจะขยับเข้าใกล้ระดับล้านล้านดอลลาร์
Visa ประเมินว่า “ตลาดชำระเงินทั่วโลกมีมูลค่า 240 ล้านล้านดอลลาร์/ปี โดยยอดจ่ายของผู้บริโภคอยู่ที่ 40 ล้านล้าน ขณะที่ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) อยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ และส่วนที่เหลือมาจากการจ่ายเงินระหว่างบุคคล (P2P) และการโอนเงินอื่นๆ” Goldman Sachs มองว่าตลาดชำระเงินยังเปิดกว้างสำหรับ Stablecoin โดยปัจจุบันการใช้งานหลักเน้นไปที่การเทรดคริปโตและความต้องการถือดอลลาร์นอกสหรัฐฯ
การที่ Stablecoin สหรัฐฯ ต้องค้ำประกันเต็ม 1:1 ด้วยดอลลาร์หรือพันธบัตร หมายถึงทุกเหรียญ Stablecoin ที่ออกมา จะดึงดีมานด์พันธบัตรและตราสารหนี้ระยะสั้นขึ้นสูง ส่วนบางฝ่าย เช่นธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ประเมินว่าเงินไหลเข้า Stablecoin จะลดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงราว 2-2.5 จุดฐานภายใน 10 วัน แต่การไหลออกจะกดดันผลตอบแทนแรงกว่าหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักเศรษฐศาสตร์อย่างพอล โดโนแวน (Paul Donovan) จาก UBS ยังสงสัยว่า Stablecoin จะสร้างดีมานด์ที่แท้จริงให้พันธบัตรสหรัฐฯ หรือเป็นแค่การหมุนเงินในระบบ เพราะการขายพันธบัตรเพื่อถือ Stablecoin ซึ่งกลับไปลงทุนในพันธบัตรอาจไม่ได้เพิ่มยอดเรียลดีมานด์มากนักแต่อย่างใด
---
IMCT NEWS
ที่มา https://fortune.com/2025/08/20/goldman-sachs-stablecoin-gold-rush/