.

วิกฤตภาวะผู้นำสหรัฐฯ สูญเสียความชอบธรรมในสายตาพันธมิตร 'ผลักดันเอเชีย' มองหาทางเลือกใหม่
22-8-2025
Asia Times รายงานว่า ความเป็นผู้นำในเวทีโลกไม่ได้เกิดจากการบังคับ แต่ต้องอาศัย "อำนาจทางนุ่มนวล" (Soft Power) จากตัวอย่างและความน่าเชื่อถือ ตามแนวคิดของโจเซฟ ไน (Joseph Nye) นักรัฐศาสตร์ชื่อดัง สหรัฐอเมริกาเคยเข้าใจบทบาทนี้เป็นอย่างดี นำโลกผ่านการสร้างกลไกความมั่นคง เปิดตลาด และสถาบันที่พันธมิตรอยากเข้าร่วม จนได้รับการขนานนามว่า “จักรวรรดินิยมแบบได้รับเชิญ” และกลายเป็นระเบียบระหว่างประเทศที่มีความชอบธรรม
แต่วันนี้ วอชิงตันกำลังบ่อนทำลายภาพนั้นด้วยตัวเอง
แทนที่จะโน้มน้าวด้วยผลประโยชน์ร่วมและความเคารพซึ่งกันและกัน สหรัฐฯ หันมาใช้แรงกดดัน ข่มขู่ และข้อเรียกร้องเชิงธุรกรรมต่อพันธมิตร ยิ่งไปกว่านั้น ยังประณามพันธมิตรว่า “ไม่สำนึกบุญคุณ” และ “ไม่แบกรับภาระ” พร้อมนำการค้ำประกันด้านความมั่นคงมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนหรือขูดรีด และใช้มาตรการทางภาษีแบบไร้เหตุผล
สิ่งเหล่านี้กลับผลักให้ภูมิภาคเอเชียหันไปตั้งรับ และมองหาความร่วมมือภายในมากขึ้น ขณะที่ท่าทีของจีนยังเป็นภัยคุกคามในสายตาคนเอเชีย แต่ความจริงอันไม่สบายใจคือ สหรัฐฯ เริ่มถูกมองว่าเป็น “ผู้ใช้อำนาจรังแก” และช่องว่างนี้กำลังเปิดโอกาสให้พันธมิตรเก่าเปลี่ยนขั้ว
เมื่อมหาอำนาจสูญเสียความเคารพ
อำนาจผู้นำสร้างจากความมั่นใจและการร่วมมือ ไม่ใช่ข้อเรียกร้องและการดูแคลน หลายครั้งที่สหรัฐฯสื่อสารกับพันธมิตรด้วยความแสดงอำนาจจนนำไปสู่การบาดเจ็บทางศักดิ์ศรี เหมือนที่เห็นย้อนประวัติศาสตร์ในกรณีญี่ปุ่นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแม้น้ำมันเป็นชนวนสงคราม แต่ความรู้สึกถูกเหยียดในเวทีระหว่างประเทศ เช่นการปฏิเสธญี่ปุ่นในที่ประชุมแวร์ซายปี 1919 และมาตรการกีดกันต่างๆ ล้วนเป็นตัวเร่งแรงจูงใจสำคัญ
เหตุการณ์นั้นสอนว่า เมื่ออำนาจใหม่ถูกปฏิเสธศักดิ์ศรีและความเท่าเทียม ย่อมมองหาการจัดระเบียบโลกใหม่
100 ปีต่อมา วงจรนี้กลับมาในรูปแบบใหม่ นักวิจัยและบุคลากรเอเชียถูกปฏิเสธหรือจับตามองเป็นพิเศษ แม้แต่พันธมิตรใกล้ชิดอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ประสบกับมาตรการเข้มงวดด้านตรวจคนเข้าเมืองและวีซ่า ทั้งที่เป็นมิตรมาโดยตลอด
บทบาทของประเด็นชาติพันธุ์อาจไม่ใช่ตัวหลัก แต่เอเชียกำลังรับรู้โดยตรงว่าตนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
จีนฉวยโอกาสนี้สร้างวาทกรรมภาพลักษณ์ตะวันตกที่แยกแยะเชื้อชาติ ซึ่งแม้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นจะไม่เห็นด้วย แต่ความศรัทธาต่อระเบียบโลกนำโดยสหรัฐฯ กำลังถดถอย
ภูมิภาคเอเชียปรับท่าที
ผลสะเทือนนี้เกิดขึ้นแล้ว ในกรณีเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น นักวิชาการและสื่อมวลชนแนะแนวคิด “แผนสำรองด้านความมั่นคง” ที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับท่าทีสหรัฐฯในยุคทรัมป์ที่อาจถอนตัวจากเอเชีย
เซี่ยงไฮ้ขยายช่องทางทูตกับปักกิ่ง ขณะที่กลุ่มประเทศเอเชียมีบทบาทมากขึ้นในองค์กรที่นำโดยจีน เช่น Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) และ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) โดยอุณหภูมิของความสนใจต่อ Indo-Pacific Economic Framework (IPEF) ที่สหรัฐฯ สนับสนุนยังต่ำ
นี่ไม่ใช่ยุคที่เอเชียหันไปหาจีนเพราะชื่นชม หากแต่เพราะศรัทธาและความมั่นใจต่อผู้นำเดิมกำลังลดลง
บทเรียนและทางแก้
เอเชียไม่ได้ถอยจากสหรัฐฯ เพราะต้องการระบอบอำนาจนิยม แต่เพราะต้องการความเคารพและให้เกียรติสภาพพันธมิตร
หากวอชิงตันต้องการพื้นที่ผู้นำ ต้องปรับมายาคติใหม่โดยจริงใจ รับฟัง ให้ความร่วมมือ ยกพันธมิตรขึ้นเป็น “สถาปนิกระเบียบโลกร่วม” มิใช่เป็นลูกค้า
ตราบใดที่สหรัฐฯ กลับมาสู่จุดของผู้นำที่เชื่อมโยงด้วยศรัทธาและความร่วมมือ เอเชียก็พร้อมเปิดรับอีกครั้ง แต่ช่วงเวลาสำคัญนี้มีข้อจำกัดมากขึ้น และอเมริกาต้องเร่งเลือกทางเดินของตนเอง
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/08/when-america-stops-leading-asia-starts-looking-elsewhere/
Image: CGTN