.

Thailand
สหรัฐได้เปรียบข้อตกลงการค้ากับEUอย่างถล่มทลาย
22-8-2025
สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดของกรอบข้อตกลงทางการค้า ตามแถลงการณ์ร่วมที่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยแม้ว่าฝ่ายวอชิงตันจะชื่นชมข้อตกลงดังกล่าว แต่ผู้นำหลายคนในยุโรปกลับวิจารณ์ว่าข้อตกลงนี้ไม่สมดุล
ข้อตกลงนี้รวมถึงการเก็บภาษีศุลกากร 15% สำหรับสินค้าส่งออกส่วนใหญ่จากสหภาพยุโรปไปยังสหรัฐฯ ขณะที่กรุงบรัสเซลส์ตกลงที่จะยกเลิกภาษีสินค้าทางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และเปิดตลาดให้กับสินค้าเกษตรและอาหารทะเลจากอเมริกาในวงกว้าง
นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังตกลงที่จะจัดซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์ และลงทุนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อีก 600,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงสามปีข้างหน้า
“นโยบายการค้าอเมริกาต้องมาก่อน ได้สร้างพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญที่สุด ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับแรงงานอเมริกัน อุตสาหกรรมของเรา และความมั่นคงของชาติ” ฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวผ่านโพสต์ใน X แสดงความคิดเห็นต่อข้อตกลงดังกล่าว
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “คำว่า ‘ภาษี’ ควรเป็นคำโปรดของอเมริกา” พร้อมระบุว่าข้อตกลงนี้เป็น “การแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรมและสมดุล”
มารอช เซฟโควิช กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ ซึ่งบรรลุผลได้ “หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นและสร้างสรรค์” ถือเป็น “ก้าวแรกที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำมาซึ่งเสถียรภาพ ความชัดเจน และโอกาส”
“หลายภาคส่วนจะได้รับการผ่อนคลาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์” เขากล่าวในโพสต์บน X
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอน ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นเป็นเวลาหลายเดือนระหว่างวอชิงตันและบรัสเซลส์
ข้อตกลงนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเจ้าหน้าที่ยุโรปทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นธรรม โจเซป บอร์เรล อดีตหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ระบุว่าข้อตกลงนี้บั่นทอนอำนาจอธิปไตยทางยุทธศาสตร์ของยุโรป โดยชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งของการผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของยุโรปให้เป็นการค้า แต่กลับผูกมัดกับการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ในวงกว้าง นอกจากนี้เขายังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการนำเข้าก๊าซจากอเมริกาในปริมาณมหาศาล
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ก็แสดงความไม่พอใจต่อข้อตกลงนี้เช่นกัน ขณะที่มารีน เลอ แปน ถึงกับเรียกข้อตกลงนี้ว่า “หายนะ” นายกรัฐมนตรีฮังการี วิคเตอร์ ออร์บาน ไปไกลกว่านั้น โดยกล่าวหาว่า ฟอน แดร์ ไลเอน ล้ำเส้นอำนาจหน้าที่ของตน และอ้างว่า “ทรัมป์จัดการเธออย่างราบคาบ”
ที่มา RT
© Copyright 2020, All Rights Reserved