.

อังกฤษ-ญี่ปุ่น ยกระดับความร่วมมือกลาโหม' ก้าวข้ามกรอบ NATO เสริมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก
2-9-2025
SCMP รายงานว่า รมว.กลาโหมอังกฤษ (John Healey) ชี้ความสัมพันธ์กลาโหมกับญี่ปุ่นก้าวสู่ ‘ยุคทองใหม่’ พร้อมย้ำไม่ใช่พันธมิตรเฉพาะ NATO
– รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรประกาศว่า ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับญี่ปุ่นกำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคทองใหม่ของความร่วมมือด้านกลาโหม” ในขณะที่ลอนดอน (London) พยายามกระชับความสัมพันธ์กับโตเกียว (Tokyo) ในฐานะหุ้นส่วนด้านความมั่นคงที่ใกล้ชิดที่สุดในเอเชีย
นายจอห์น ฮีลีย์ (John Healey) รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร ได้ประกาศดังกล่าวบนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Prince of Wales ซึ่งเป็นเรือธงขนาด 65,000 ตันของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร โดยจอดเทียบท่าอยู่ที่ Tokyo International Cruise Terminal สำหรับการประชุม Pacific Future Forum เป็นเวลาสองวัน การเยือนครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรือบรรทุกเครื่องบินต่างชาติเดินทางเข้าสู่อ่าวโตเกียว (Tokyo Bay) ซึ่งเป็นการเพิ่มนัยสำคัญเชิงสัญลักษณ์ให้กับโอกาสนี้
นายฮีลีย์ (Healey) ให้สัมภาษณ์กับ This Week in Asia ว่า “ความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นมีความลึกซึ้งกว่าที่เคย” และเสริมว่าทั้งสองประเทศต่างมองซึ่งกันและกันว่าเป็น “พันธมิตรด้านความมั่นคงที่ใกล้ชิดที่สุด” ในทวีปของตนเอง พร้อมกล่าวว่า “เรากำลังร่วมกันสร้างยุคทองใหม่ในความร่วมมือด้านกลาโหม...ตั้งแต่เครื่องบินขับไล่แห่งอนาคตไปจนถึงการฝึกซ้อมร่วม, จากความร่วมมือทางเรือไปจนถึงความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” การมาถึงของเรือ HMS Prince of Wales ในญี่ปุ่นในฐานะหัวหน้ากลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินข้ามชาติครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกจากชุดการมาเยือนที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต นายฮีลีย์ (Healey) กล่าวเพิ่มเติม
เรือพิฆาตของญี่ปุ่นได้ให้การคุ้มกันแก่เรือรบของราชนาวีและเครื่องบินของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร (RAF) ในระหว่างการซ้อมรบเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เครื่องบินขับไล่ F-35 ของสหราชอาณาจักรได้ลงจอดบนดาดฟ้าเรือรบ Kaga ของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเครื่องบินขับไล่ F-15 ของญี่ปุ่นมีกำหนดจะเข้าประจำการในสหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งนับเป็นอีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “แต่ความร่วมมือของเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในทะเลและน่านฟ้า” นายฮีลีย์ (Healey) กล่าว “กองทัพของเรายังคงฝึกซ้อมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และสหราชอาณาจักรภูมิใจที่ได้เป็นกองกำลังยุโรปกลุ่มแรกที่ได้ฝึกซ้อมกับญี่ปุ่นบนแผ่นดินญี่ปุ่น และในด้านไซเบอร์ ทั้งสองประเทศของเราได้ร่วมมือกันในการฝึกซ้อมด้านการป้องกันทางไซเบอร์ระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งนอกเหนือจากสหรัฐฯ” เขาย้ำว่าความร่วมมือดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น “ในทุกขอบเขต เรากำลังทำงานหนักอยู่ในขณะนี้ เพื่อที่ว่าหากเราถูกเรียกร้องให้ทำงานร่วมกันในยามวิกฤต เราจะรู้ว่าเราสามารถทำได้ และฝ่ายตรงข้ามก็รู้เช่นกัน”
นายฮีลีย์ (Healey) ยังกล่าวถึงโครงการ Global Combat Air Programme ซึ่งเป็นโครงการไตรภาคีร่วมกับอิตาลี (Italy) และญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคหน้า โดยชี้ให้เห็นว่าความร่วมมือทางอุตสาหกรรมกำลังดำเนินไปควบคู่กับการบูรณาการทางทหาร โครงการนี้สะท้อนถึง “การประเมินภัยคุกคามร่วมกัน, ความเคารพต่อเทคโนโลยีของกันและกัน และความจำเป็นเร่งด่วนร่วมกันในการนำขีดความสามารถของคนรุ่นต่อไปมาใช้งาน” เขากล่าว
รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ (British defence secretary) ได้วางกรอบการเป็นพันธมิตรที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นนี้ในวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้น การทบทวนด้านกลาโหมฉบับปรับปรุงของสหราชอาณาจักรซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนมิถุนายน ระบุว่า แม้สหราชอาณาจักรจะยังคงให้ความสำคัญกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) เป็นอันดับแรก แต่ก็มองว่าเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนั้นแยกจากความมั่นคงของยุโรปไม่ได้ “นโยบายของเราถูกนิยามว่าให้ความสำคัญกับ NATO เป็นอันดับแรก แต่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ NATO เท่านั้น” นายฮีลีย์ (Healey) กล่าวถึงพันธมิตรความมั่นคงข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
ส่วนญี่ปุ่น ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ภายใต้แรงกดดันจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แห่งสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะแบกรับส่วนแบ่งความมั่นคงในภูมิภาคที่มากขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ยื่นคำของบประมาณที่เป็นสถิติสูงสุดที่ 8.8 ล้านล้านเยน (ราว 5.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับปีงบประมาณ 2026 งบประมาณดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสำหรับระบบขีปนาวุธขั้นสูง, อาวุธความเร็วเหนือเสียง และอากาศยานไร้คนขับ (drones) รุ่นใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าเป็นการลงทุนที่จะ “เปลี่ยนเกม” เพื่อตอบโต้สิ่งที่ญี่ปุ่นและพันธมิตรชาติตะวันตกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากจีน, เกาหลีเหนือ และรัสเซีย
งบประมาณมากกว่า 1 ล้านล้านเยนถูกจัดสรรไว้สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือรบพิสัยไกล, 3.9 หมื่นล้านเยนสำหรับอาวุธร่อนความเร็วสูง และ 3 หมื่นล้านเยนสำหรับขีปนาวุธนำวิถีความเร็วเหนือเสียง ขณะที่ประมาณ 3.12 แสนล้านเยนจะถูกนำไปใช้กับระบบไร้คนขับ นายเก็น นาคาทานิ (Gen Nakatani) รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ได้กล่าวอ้างถึงพันธมิตรแองโกล-ญี่ปุ่น (Anglo-Japanese Alliance) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยระบุว่าการเอาชนะ “ลัทธิจักรวรรดินิยมของรัสเซียนั้นเป็นไปได้ก็ด้วยการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร” ในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War) ในการต้อนรับเรือ HMS Prince of Wales สู่โตเกียว (Tokyo) เขากล่าวว่า “นี่คือเหตุการณ์ที่เพิ่มบทใหม่ให้กับประวัติศาสตร์ของประเทศเรา”
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3323762/uk-japan-defence-ties-enter-new-golden-age-britain-not-nato-only-defence-chief?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article