.

'จีนขึ้นแท่นผู้ลงทุนรายใหญ่' ในระเบียงเศรษฐกิจ EEC ของไทย ทุ่ม $8'400 ล้าน ในโครงการยุทธศาสตร์
13-9-2025
SCMP รายงานว่า จีนกลายเป็นประเทศต่างชาติที่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor–EEC) ของไทยมากที่สุด ด้วยมูลค่าโครงการได้รับการอนุมัติรวมกว่า 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 16% ของการลงทุนทั้งหมดในกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรม EEC ซึ่งครอบคลุม 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ระหว่างปี 2019 ถึง 2024 โดยมีไทยเองเป็นผู้ลงทุนสูงสุดที่ 37% และญี่ปุ่นตามมาในอันดับสามที่ 12%
จีน (China) ก้าวขึ้นเป็นแหล่งเงินลงทุนต่างชาติอันดับหนึ่งในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของไทย (Thailand) ซึ่งเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่รัฐบาลสนับสนุนและกำลังเติบโต โดยมีรายงานการลงทุนจากนักลงทุนจีน (China) ในโครงการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา, การออกแบบ "aerotropolis" และความเป็นไปได้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่
จีน (China) ขึ้นแท่นผู้นำด้านการลงทุน
คุณกอรรณพ ทองถ้ำ ณ อยุธยา รักษาการผู้อำนวยการส่วนงานของ EEC เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2019 ถึง 2024 นักลงทุนจีน (China) ได้รับอนุมัติโครงการมูลค่ารวม 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 16% ของการลงทุนทั้งหมดใน EEC ที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี (Chonburi), ระยอง (Rayong) และฉะเชิงเทรา (Chachoengsao)
มีเพียงไทย (Thailand) เท่านั้นที่ได้รับอนุมัติการลงทุนในโครงการมากกว่า โดยครองสัดส่วน 37% ของการลงทุนทั้งหมด ส่วนญี่ปุ่น (Japan) อยู่ในอันดับที่สาม ด้วยสัดส่วน 12%
โครงการสำคัญและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
คุณกอรรณพ (Korthong Thongtham na Ayutthaya) กล่าวว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่จากจีน (China) มุ่งเป้าไปที่โครงการที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) และพลังงาน โดยมีบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่เป็นผู้นำด้านการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ EEC
ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มนักลงทุนจีน (China) ได้เข้าร่วมกับกลุ่มบริษัทไทย (Thailand) เพื่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะทาง 220 กิโลเมตร (136.7 ไมล์) ซึ่งพาดผ่านพื้นที่ EEC ที่อยู่ทางตอนใต้ของกรุงเทพมหานคร (Bangkok) โดยกลุ่มนักลงทุนดังกล่าวยังรวมถึงบริษัท China Railway Construction Corporation ด้วย
นอกจากนี้ ในภาคการบินพลเรือน บริษัท Zhengzhou Airport Economy Zone ของจีน (China) ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อออกแบบ "aerotropolis" หรือเมืองขนาดเล็กที่เน้นด้านโลจิสติกส์รอบสนามบินอู่ตะเภา (U-Tapao) ที่ให้บริการครอบคลุมสามจังหวัดใน EEC ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านเที่ยวบินระหว่างศูนย์กลางอุตสาหกรรม เจิ้งโจว (Zhengzhou) ทางตอนกลางของจีน (China) และ EEC ของไทย (Thailand)
คุณกอรรณพ (Korthong Thongtham na Ayutthaya) เน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่จาก EEC อนุมัติการลงทุนจากจีน (China) เนื่องจากโครงการเหล่านี้นำมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่บริษัทจีน (China) ที่ได้รับประโยชน์ แต่ยังรวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่คนไทยอีกด้วย
แรงจูงใจเบื้องหลังการลงทุนของจีน (China)
คุณซอง เส็ง วุน (Song Seng Wun) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจจากบริษัท CGS ในสิงคโปร์ (Singapore) ให้ความเห็นว่าบริษัทจีน (China) อาจเลือกมาลงทุนใน EEC เนื่องจากสามารถเข้าถึงท่าเรือได้, มีค่าแรงที่ค่อนข้างถูก และเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ (US)
ซอง (Song) กล่าวว่า "เราจะได้เห็นบริษัทต่าง ๆ พยายามกระจายซัพพลายเชนออกจากจีน (China) ทั้งที่เกี่ยวข้องกับภาษีและไม่เกี่ยวข้อง" ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้ไทย (Thailand) กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนจีน (China) ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ (US)
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/economy/global-economy/article/3325193/china-bets-big-thai-industrial-cluster-us84-billion-investment?module=top_story&pgtype=homepage