.

Thailand
เหตุผลที่สหรัฐฯจะใช้เงิน$20,000ล้านอุ้มอาร์เจนตินา
16-10-2025
ยังไม่ชัดเจนว่าเงินจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ จะถูกนำมาใช้จริงเท่าใด และจะจัดสรรไปที่การเปิดสายสวอป (swap line), การซื้อพันธบัตร หรือวงเงินสินเชื่อสำรอง (standby credit) มากน้อยเพียงใด
มีความเสี่ยงว่าอาร์เจนตินาอาจผิดนัดชำระหนี้, จำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ หรือไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ ซึ่งนำไปสู่คำถามว่า สหรัฐฯ จะจัดการกับความสูญเสียเหล่านี้อย่างไร หรือจะสามารถฟื้นคืนเงินทุนได้หรือไม่
สหรัฐฯ กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งปัจจุบันมีความเสี่ยงทางการเงินกับอาร์เจนตินาสูงอยู่แล้ว ขณะนี้อาร์เจนตินาถือเป็น “ลูกหนี้รายใหญ่ที่สุด” ของ IMF โดยมียอดหนี้ค้างอยู่ถึง 41.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวล
วงเงินสวอป 20,000 ล้านดอลลาร์กับธนาคารกลางอาร์เจนตินาเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ไม่ใช่การช่วยเหลือฉุกเฉิน (bailout) แม้จะมีแรงจูงใจทางการเมืองแฝงอยู่ก็ตาม หนึ่งในความกังวลของวอชิงตันคือ จีนอาจเข้ามาให้ความช่วยเหลือแทน และเปลี่ยนแนวโน้มความร่วมมือของอาร์เจนตินาไปในทิศทางที่ส่งเสริมหยวนแทนดอลลาร์ ซึ่งจะกระทบต่ออิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา
ปักกิ่งได้ใช้ “การทูตหนี้” อย่างมีกลยุทธ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อขยายอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจุบัน จีนให้เงินกู้แก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มากกว่าธนาคารโลกเสียอีก
ในปี 2009 อาร์เจนตินาและจีนได้ตกลงทำ สัญญาสวอปสกุลเงินแบบทวิภาคี มูลค่า 70,000 ล้านหยวน (ประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์) ต่อมาในช่วงปี 2022–2024 อาร์เจนตินาได้ขยายการเข้าถึงวงเงินสวอปดังกล่าวไปถึง 18,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีวงเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์ที่ถูกเปิดใช้งาน และมีการต่ออายุสำหรับใช้งานจริงในปี 2025–2026
ในช่วงวิกฤต อาร์เจนตินาพึ่งพาวงเงินสวอปจากจีนอย่างมาก โดยในบางช่วง ถึง 95% ของทุนสำรองสภาพคล่องของประเทศมาจากเงินจีน นอกจากนี้ อาร์เจนตินายังใช้หนี้จีนบางส่วนด้วยเงินกู้จาก IMF ในปี 2023 เป็นจำนวน 7.5 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังคงมีหนี้คงค้างกับจีนอยู่ราว 18 ถึง 24 พันล้านดอลลาร์
เงินช่วยเหลือ 20,000 ล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ จึงเป็นความพยายามในการ “ดึง” อาร์เจนตินากลับมาอยู่ในระบบดอลลาร์ และลดการพึ่งพาจีน
นอกจากสายสวอปแล้ว สหรัฐฯ ยังส่งสัญญาณว่า อาจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอาร์เจนตินาที่ออกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งในตลาดแรก (Primary Market) และตลาดรอง (Secondary Market) รวมถึงการให้วงเงิน “Standby Credit” ผ่าน กองทุน Exchange Stabilization Fund (ESF) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกองทุนที่ดำเนินการอยู่นอกการกำกับของสภาคองเกรส
ในภาพรวม สหรัฐฯ กำลังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นฝ่ายเจรจาควบคู่กับ IMF เมื่อถึงเวลาที่อาร์เจนตินาต้องปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ยังคงมีอยู่
จุดมุ่งหมายหลักของการสนับสนุนนี้ไม่ใช่ “การช่วยเหลือด้วยความเมตตา” แต่เป็นกลยุทธ์ในการรักษาความเป็นผู้นำของดอลลาร์ในภูมิภาคลาตินอเมริกา และเพื่อป้องกันไม่ให้อาร์เจนตินาหันไปพึ่งพาทางเลือกที่ไม่ใช่ดอลลาร์
ที่มา Armstrongeconomics.com
© Copyright 2020, All Rights Reserved