.

เฉิน จื้อ ชายชาวจีนผู้ถือยศเนี๊ยกออกญา ที่ปรึกษาผู้นำตระกูลฮุน
18-10-2025
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยงานของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าได้ดำเนินมาตรการจัดการกับนายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่านายวินเซนต์ เขาเป็นชายเชื้อสายจีน วัย 37 ปี สัญชาติสหราชอาณาจักรและกัมพูชา รวมถึงเป็นประธานบริษัทปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป หรือ ปรินซ์กรุ๊ป (Prince Group)
สำนักอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตนิวยอร์กตะวันออก และแผนกความมั่นคงแห่งชาติของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องทางแพ่งไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2568 เพื่อริบทรัพย์สินเป็นบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.88 แสนล้านบาท) ซึ่งเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงและการฟอกเงินของนายเฉิน จื้อ ซึ่งเบื้องหน้าทำธุรกิจกลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในกัมพูชา โดยระบุว่าเป็นบริษัทด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และบริการสำหรับผู้บริโภค แต่ "โดยลับ ๆ แล้ว จำเลย (หมายถึงนายเฉิน จื้อ) และผู้บริหารระดับสูงได้ทำให้กลุ่มปรินซ์กรุ๊ปเติบโต กลายเป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย"
คำร้องดังกล่าวถือว่าเป็นการดำเนินการริบทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ทางการสหรัฐฯ กล่าวว่ากลุ่มบริษัทปรินซ์กรุ๊ปดำเนินการศูนย์หลอกลวงโดยใช้บุคคลที่ถูกควบคุมตัวไว้ในศูนย์โดยไม่สมัครใจ และบังคับให้พวกเขาเหล่านี้ปฏิบัติการหาเหยื่อมาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลด้วยกลโกงแบบ "เชือดหมู" ซึ่งโกงเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเหยื่อเป็นผู้คนที่อยู่ในสหรัฐฯ และทั่วโลก
ปัจจุบันนายเฉิน จื้อ อยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ขณะเดียวกันทรัพย์สินของเขาที่อยู่ในสหราชอาณาจักรมูลค่ารวมกันกว่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,300 ล้านบาท) ก็ถูกอายัดด้วยมาตรการคว่ำบาตรของสหราชอาณาจักรแล้วด้วยเช่นกัน
มาตรการคว่ำบาตรของสหราชอาณาจักรยังครอบคลุมถึงกลุ่มบริษัทอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับปรินซ์กรุ๊ป เช่น เครือบริษัท จินเปย์ กรุ๊ป (Jinbei Group) ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์บันเทิงครบวงจร โรงแรม และกาสิโนในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา รวมถึงศูนย์สแกมเมอร์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมี บจก.โกลเดน ฟอร์จูน รีสอร์ต เวิลด์ (Golden Fortune Resorts World Ltd.) ซึ่งแสร้งว่าเป็น "อุทยานเทคโนโลยีขนาดใหญ่" ชื่อว่าโกลเดน ฟอร์จูน ไซเอนส์ แอนด์ เทคโนโลยี ปาร์ค ใจกลางกรุงพนมเปญ แต่ฉากหลังคือศูนย์สแกมเมอร์
นอกจากนี้ ไบเอ็กซ์ เอกซ์เชนจ์ (Byex Exchange) แพลตฟอร์มสกุลเงินคริปโตที่เชื่อมโยงกับจินเปย์กรุ๊ปและปรินซ์กรุ๊ป ก็ตกเป็นเป้าหมายของมาตรการคว่ำบาตรนี้ด้วย
ชายชาวจีนคนนี้มีประวัติที่ไม่ธรรมดา รายงานของโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Global Initiative against Transnational Organized Crime หรือ GI-TOC) ในปี 2022 ระบุว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมืองสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมออนไลน์ที่ดำเนินโดยกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ กลุ่มที่มีบทบาทคือเหล่านักธุรกิจที่ดำรงยศ "ออกญา (oknha)" สถานะบรรดาศักดิ์ที่ภายหลังถูกมองว่าเป็นชั้นยศต่างตอบแทน เนื่องจากต้องบริจาคเงินหรือลงทุนในกัมพูชาจำนวนมาก ถึงจะได้สถานะดังกล่าว
รายงานดังกล่าวของ GI-TOC ระบุว่า เฉิน จื้อ ได้รับการแต่งตั้งเป็นออกญาด้วยเช่นกัน ขณะที่สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียบอกว่า เขามีตำแหน่งเป็น "เนี๊ยก ออกญา (Neak Oknha)" ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่า
ทั้งสองแหล่งรายงานตรงกันว่า ชายชาวจีนคนนี้มีความใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับสูงของกัมพูชาหลายคน โดยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายเฮง สัมริน อดีตประธานรัฐสภา รวมถึงนายซอ เค็ง อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยของกัมพูชา และมีความสนิทสนมกับนายซอ โสกา ผู้เป็นลูกชาย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา
สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียยังรายงานว่า ในปี 2020 นายเฉินได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน และเคยเดินทางไปทำภารกิจการทูตเคียงคู่กับผู้นำตระกูลฮุนที่คิวบา รวมถึงเป็นตัวแทนมอบความช่วยเหลือลาวในนามรัฐบาลกัมพูชาด้วย และเมื่อสมเด็จฮุน มาเนต ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ชายชาวจีนรายนี้ก็อยู่ในรายชื่อ 1 ใน 104 ที่ปรึกษาของลูกชายคนโตของตระกูลฮุน ซึ่งตำแหน่งนี้มีระดับเทียบเท่ารัฐมนตรี
นอกจากนี้ ในร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีชื่อชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ซึ่งถูกระบุอยู่ในบัญชีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (Transnational Criminal Organizations - TCO) ที่จัดทำโดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ (OFAC) ด้วย และทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับปรินซ์กรุ๊ป ได้แก่ นายซอ โสกา, เฉิน ซิวหลิง (Chen Xuiling) ชาวสิงคโปร์, นายอิง ดารา ชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในโครงการโกลเดน ฟอร์จูน ไซเอนส์ แอนด์ เทคโนโลยี ปาร์ค
"เขา (หมายถึงนายเฉิน) และอิง ดารา ยังคงถือครองผลประโยชน์ใน ศูนย์หลอกลวงโกลเดน ฟอร์จูนฯ ซึ่งคนในท้องถิ่นให้ข้อมูลกับนักข่าวว่า พวกเขาเคยเห็นแรงงานถูก 'ทุบตีจนแทบไม่รอดชีวิต' ก่อนจะถูกบังคับให้กลับเข้าไปหลังจากพยายามหลบหนี" OFAC ระบุ
ทางการสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่าปรินซ์กรุ๊ปและเครือข่ายยังนำรายได้ที่มาจากอาชญากรรมข้ามชาติไปลงทุนผ่านช่องทางอันซับซ้อนตามบริษัทบังหน้า (shell company) และนิติบุคคลต่าง ๆ ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน หมู่เกาะเคย์แมน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และปาเลา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเงินผิดกฎหมายเหล่านี้จะเข้าไปปะปนกับกิจกรรมถูกกฎหมายขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
ล่าสุด สำนักข่าวไทยพีบีเอสยังรายงานด้วยว่าพวกเขาพบเว็บไซต์ที่มีโลโก้และชื่อเดียวกันกับปรินซ์กรุ๊ปของนายเฉินที่ระบุว่ากลุ่มบริษัทดังกล่าวเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในไทยด้วยเช่นกัน
เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นของ บจก.ปรินซ์ อินเตอร์เนชันแนล คอมพานี (Prince International) ในกรุงลอนดอน และอ้างว่าตนเองมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับโลก แต่โปรไฟล์บริษัทที่ให้ไว้ในเว็บไซต์ค่อนข้างกระจัดกระจาย จากข้อมูลที่บีบีซีไทยได้เห็น
เว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่ามีสำนักงานอยู่ในกรุงไทเปของไต้หวัน, กรุงเทพมหานคร, กรุงลอนดอน, รวมถึงกรุงพนมเปญของกัมพูชา โดยมีพอร์ตการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศพื้นที่มากกว่า 3.6 ล้าน ตร.ม. และมีพื้นที่พัฒนากว่า 5 ล้าน ตร.ม. ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม คลับ ศูนย์การค้า ไปจนถึงสำนักงาน โรงแรม วิลลา หรือเกาะต่าง ๆ
ทว่า ในเว็บไซต์กลับใช้ชื่อบริษัทว่าไต้หวัน ปรินซ์ เรียล เอทสเตท อินเวสเมนท์ (Taiwan Prince Real Estate Investment) ที่ระบุเบอร์โทรศัพท์ขึ้นต้นรหัสในไต้หวัน และอ้างว่าบริษัทลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในบางโครงการของ บมจ.ริชี่เพลส 2002, บมจ.แสนสิริ และ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน
นอกจากนี้ในหน้าเว็บไซต์ดังกล่าวมีหน้าเพจที่ระบุไปยังที่ตั้งสำนักงานในกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันหน้าเพจดังกล่าวถูกลบออกไปแล้ว จากการสืบค้นย้อนกลับด้วยเครื่องมือ way back machine พบว่าบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนในไทยชื่อว่า บจก. ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล และมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ย่านอโศก ทั้งนี้หลักฐานดังกล่าวถูกสืบค้นโดยทีมข่าวสืบสวนของไทยพีบีเอส และรายงานดังกล่าวออกอากาศในค่ำวันนี้ (16 ต.ค.)
ด้าน บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ชี้แจงวันที่ 17 ต.ค. ว่า จากกรณีที่สื่อต่าง ๆ รายงานว่าปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป ได้ลงทุนในบริษัทและโครงการต่าง ๆ ของ บมจ.เอสซีฯ รวมถึงมีการเชื่อมโยงระหว่างนายเฉิน จื้อ และ ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป กับ บมจ.เอสซีฯ นั้น ทางบริษัทขอชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าว "เป็นเท็จทั้งหมด"
"บริษัทฯ ไม่เคยมีธุรกรรมใดๆ กับนายเฉิน จื้อ และ ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป (Prince Holding Group) รวมทั้งนายเฉิน จื้อ และ ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป (Prince Holding Group) ไม่ได้เป็นผู้ลงทุนของบริษัทฯ และโครงการใดๆ ของบริษัทฯ แต่อย่างใด" แถลงการณ์ของ บมจ.เอสซีฯ ระบุ
ตามมาด้วยแถลงการณ์ของ บมจ.ริชี่เพลส 2002 ที่ระบุว่า จากกรณีที่มีการแผยแพร่สื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการอ้างว่าปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป ลงทุนในบริษัทฯ หรือมีความเกี่ยวข้องกับนายเฉิน จื้อ นั้น "ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง"
บริษัทฯ ไม่เคยมีการทำธุรกรรม การร่วมลงทุน หรือการถือหุ้นใด ๆ ร่วมกับบุคคล หรือกลุ่มบริษัทที่ถูกกล่าวถึง รวมถึงไม่มีความเกี่ยวโยงในเชิงธุรกิจในทุกกรณี" บมจ.ริชี่เพลส 2002 ระบุ
ขณะเดียวกัน บมจ.แสนสิริ ออกแถลงการณ์ว่าทางบริษัทฯ รับทราบถึงการเผยแพร่ที่มีการกล่าวถึงการลงทุนของบริษัทต่างชาติในโครงการชื่อว่า คุณ บาย ยู (KHUN by YOO) ซึ่งเป็นของบริษัทฯ แต่ "บริษัทฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบข้อมูลในการทำธุรกรรมของชื่อบริษัท หรือบุคคลที่อ้างอิงในข่าว"
"บริษัทฯ ขอให้ความมั่นใจว่าขั้นตอนการทำธุรกรรมในทุกโครงการ มีการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ถูกต้องตามกฎหมาย" บมจ.แสนสิริ กล่าว
ที่มา บีบีซี ไทย