สงครามลิขสิทธิ์ AIมีเพียงสหรัฐฯ ที่หยุดยั้งได้?

สงครามลิขสิทธิ์ AI อาจเป็นจุดจบของนวัตกรรม มีเพียงสหรัฐฯ เท่านั้นที่หยุดยั้งได้?
18-10-2025
Bloomberg รายงานว่า สงครามชิงสิทธิ์ทางปัญญาระหว่างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและภาคศิลปวัฒนธรรม กำลังกลายเป็นเดิมพันใหญ่ที่สุดของยุคดิจิทัล คำถามคือ โมเดล AI ควรสร้างขึ้นอย่างไร และใครควรได้รับผลตอบแทนจากองค์ความรู้ที่ถูกนำไปฝึกระบบอัจฉริยะเหล่านี้
บียอร์น อุลวีอุส ศิลปินผู้ร่วมก่อตำนานวง ABBA คือหนึ่งในศิลปินที่เปิดใจกับเทคโนโลยี AI “มันเหมือนส่วนขยายของสมองผม การปฏิเสธมันคือเรื่องไร้สาระ มันอยู่ตรงนี้แล้ว” เขากล่าว อุลวีอุสใช้ AI สร้างเสียงร้องจำลอง จำแนกสไตล์นักร้อง และจำลองเสียงวงออร์เคสตรา เพื่อแต่งละครเพลงเรื่องใหม่ของตน “มันจะพาเสียงดนตรีไปในทิศทางที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” เขากล่าวอย่างมั่นใจ
แต่สิ่งที่อุลวีอุสแตกต่างจากผู้สนับสนุน AI คนอื่น คือ เขาเชื่อว่าผู้สร้างสรรค์ที่ผลงานกลายเป็นพื้นฐานให้ AI ถือกำเนิด สมควรได้รับผลตอบแทน “ระบบนี้เกิดขึ้นจากเพลงที่ผมเขียนไว้ในอดีต ดังนั้นถ้าใครหากำไรจากสิ่งที่ผมช่วยสร้าง ผมก็ควรได้ส่วนแบ่ง” เขากล่าวตรงไปตรงมา
นี่คือคำถามแห่งยุคที่ยังไร้คำตอบชัด ไม่เพียงสำหรับนักดนตรี แต่รวมถึงนักเขียน ศิลปิน ผู้สื่อข่าว นักวิจัย และคนทำสื่อ ซึ่งผลงานของพวกเขาถูกใช้เป็นข้อมูลฝึกโมเดล AI มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์
### ขุมทองแห่งข้อมูล และข้อกล่าวหาการละเมิดครั้งใหญ่
การสร้างโมเดล AI ขนาดยักษ์ ต้องอาศัยข้อมูลปริมาณมหาศาล เช่น โมเดล Llama 4 Scout ของ Meta ที่ฝึกจากข้อมูลเทียบเท่าหนังสือ 300 ล้านเล่ม บริษัทเทคโนโลยีจึงเลือกใช้ “ข้อมูลคุณภาพสูงสุด” อันได้แก่ผลงานของมนุษย์ ตั้งแต่หนังสือจาก Library Genesis และ Books3 ไปจนถึงวิดีโอจาก YouTube นับสิบล้านคลิป
ทั้งหมดถูกนำมาฝึกระบบโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนใด วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จอช ฮอว์ลีย์ ถึงกับเรียกสิ่งนี้ว่า “การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา”
บรรดาบริษัท AI ตั้งแต่ OpenAI, Anthropic จนถึง Meta ต่างอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้ภายใต้หลัก fair use หรือ “การใช้โดยชอบธรรม” แต่ผู้สร้างสรรค์เจ้าของผลงานไม่เห็นด้วย และศาลเองก็ยังตัดสินไม่ตรงกัน บางคดีชี้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ บางคดีมองว่าเป็นการละเมิดชัดเจน
### ภาระของสหรัฐฯ ในบทบาทผู้กำหนดกติกาโลก
ด้วยการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ AI ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของโลกกว่าครึ่งมีฐานอยู่ที่นี่ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หากจะมีประเทศใดที่สามารถวางกรอบทางกฎหมายเพื่อสมดุลผลประโยชน์ระหว่างนวัตกรรมกับศิลปะ ประเทศนั้นคือ สหรัฐอเมริกา
ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องศิลปะ แต่กระทบเศรษฐกิจระดับชาติ รายงานของสมาคม IIPA ระบุว่า อุตสาหกรรมลิขสิทธิ์หลักมีสัดส่วนถึง 8% ของ GDP อเมริกัน และจ้างงานกว่า 12 ล้านตำแหน่ง การไม่คุ้มครองสิทธิเหล่านี้ จะเท่ากับทำลายเสาหลักของเศรษฐกิจสร้างสรรค์
โธมัส กรูเบอร์ ผู้สร้างผู้ช่วยเสียง Siri เตือนว่า หากไม่รีบแก้ปัญหานี้ “ในที่สุด AI จะไม่มีสิ่งแท้จริงให้เรียนรู้อีก” เขาเรียกฝันร้ายนี้ว่า “การล่มสลายของโมเดล” (model collapse) เมื่อระบบถูกฝึกซ้ำด้วยข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง คุณภาพของโลกความคิดและความจริงจะเสื่อมถอย
### การปะทะของผลประโยชน์ และความกลัวการ “แซงหน้า”
ฝ่ายบริษัทลงทุนมองต่างออกไป โดย Andreessen Horowitz เขียนในรายงานต่อ US Copyright Office ว่า “การบังคับใช้ลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัดเกินไป อาจทำให้สหรัฐฯ แพ้ศึก AI ระดับโลก” เพราะการแข่งขันครั้งนี้อยู่ในระดับ “สงครามแข่งดวงจันทร์” ทุกวินาทีคือเวลาแห่งการพัฒนา
แต่หลัก fair use ไม่ได้คุ้มครองหากผู้ถือลิขสิทธิ์เสียประโยชน์ สำนักข่าวหลายแห่งรวมถึง Rolling Stone ชี้ว่าระบบ AI “Overview” ของ Google ที่ดึงข่าวมาสรุปตอบคำถามใน Search กำลังทำให้รายได้โฆษณาลดฮวบ เพราะคนอ่านไม่กดเข้าเว็บไซต์ต้นทาง ขณะเดียวกัน บริษัทเพลงและผู้สร้างภาพยนตร์ก็ชี้ว่ารายได้จากผลงานมนุษย์ลดลงต่อเนื่องเพราะตลาดเต็มไปด้วยผลงานปลอมจาก AI
### สร้างทางออกแบบ “โมเดลใบอนุญาตรวม”
ในเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ เสนอรูปแบบใหม่ชื่อ **“การอนุญาตรวม” (Collective Licensing)** ซึ่งคล้ายกับระบบจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ดนตรีของ ASCAP ช่วยลดภาระจากการเจรจาเป็นล้านสัญญาเหลือเพียงไม่กี่ข้อตกลง เว็บไซต์และสำนักพิมพ์จะได้รับเงินอัตโนมัติหากผลงานถูกใช้ฝึกระบบ AI
แนวคิดนี้ขยายเพิ่มเติมด้วยโครงการเทคโนโลยีอย่าง **Really Simple Licensing (RSL)** ที่ให้เว็บไซต์ฝังรหัสกำหนดสิทธิ์ว่าอนุญาตให้ใช้งานเนื้อหาได้ในเงื่อนไขใด รวมถึงระบบของ Cloudflare ซึ่งสามารถกรองบ็อตดูดข้อมูลเพื่อป้องกัน AI scraper เข้าถึงเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดสำคัญคือ **ไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายให้บริษัท AI ต้องปฏิบัติตามระบบใดเลย** หาก Congress ยังไม่ออกกฎหมายสมบูรณ์ ผู้สร้างสรรค์ก็ยังไม่สามารถทวงสิทธิ์ของตนได้
### ความต่างสองฝั่งมหาสมุทร
ตรงกันข้ามกับยุโรปที่เดินหน้าภายใต้ EU AI Act ซึ่งบังคับให้บริษัทเผยข้อมูลว่าใช้ฐานข้อมูลใดฝึกโมเดล พร้อมค่าปรับสูงสุด 7% ของรายได้ทั่วโลก ภายใน ปี 2027 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังมองว่าข้อบังคับดังกล่าว “ขัดจังหวะนวัตกรรม” ทรัมป์กล่าวในการเปิดตัว AI Action Plan ว่า “ไม่มีใครคาดหวังให้คุณต้องจ่ายเมื่ออ่านข้อความหรือหนังสือ ฉะนั้นทำไมต้องจ่ายให้กับมัน”
คำพูดเช่นนี้ทำให้การออกกฎหมายลิขสิทธิ์ AI ในสหรัฐฯ ยังติดหล่ม แม้นักกฎหมายเรียกร้องว่าการเผยแพร่ฐานข้อมูลฝึกโมเดลจะเป็น “มาตรการโปร่งใสขั้นต่ำสุดที่จำเป็น” เพราะประชาชนควรรู้ว่าเครื่องจักรที่ใช้ในระบบการศึกษา การแพทย์ หรือการจ้างงาน ได้รับข้อมูลจากที่ใด
### บทเรียนจากอดีต
ย้อนปี 1906 เมื่อยุคเครื่องเล่นแผ่นเสียงบุกโลก นักแต่งเพลงชื่อดัง จอห์น ฟิลิป ซูซา เคยเรียกร้องต่อ Congress ว่า ผู้ผลิตเครื่องเล่นควรจ่ายค่าตอบแทนให้คนแต่งเพลง ก่อนที่ ปี 1909 สภาคองเกรสปรับกฎหมายใหม่ เปิดทางให้เกิดข้อตกลงลิขสิทธิ์รวม กลายเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมดนตรีสมัยใหม่ วันนี้ สถานการณ์ AI กำลังยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นแบบเดียวกันนั้น
### บทสรุป: การจ่ายเพื่อความยั่งยืนของนวัตกรรม
ในประเทศที่สร้างทั้ง Hollywood และ Silicon Valley คำถามว่า “มูลค่าของความคิดมนุษย์คือเท่าไร?” ไม่อาจปล่อยให้ค้างคา หาก AI ยังคงใช้ข้อมูลมีลิขสิทธิ์โดยไม่คืนผลตอบแทนแก่เจ้าของผลงาน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะค่อย ๆ ตายลง และสุดท้ายจะเหลือเพียงเครื่องจักรที่คัดลอกเสียงสะท้อนจากสิ่งที่มนุษย์เคยสร้างไว้
การจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้สร้างจึงไม่ใช่การขัดขวาง AI แต่นับเป็นหัวใจของการปกป้องอนาคต เพราะ เทคโนโลยี ใด ๆ จะไร้คุณค่าหากปราศจากแรงบันดาลใจของมนุษย์ และนั่นคือบทเรียนที่โลกทั้งใบ ควรรับฟังจากสหรัฐอเมริกาในเวลานี้.
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/opinion/features/2025-10-14/ai-s-copyright-war-with-dua-lipa-elton-john-could-be-its-undoing