ปักกิ่งเปลี่ยนเกม เส้นทางการค้ากับสหรัฐฯ ยังอีกยาว

ปักกิ่งเปลี่ยนเกมเจรจา เส้นทางสู่ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ยังอีกยาวไกล จ่อดีลย่อยก่อนประชุมสุดยอด ทรัมป์–สี จิ้นผิง
13-8-2025
SCMP รายงานว่า สหรัฐฯ–จีนขยายเวลาพักรบภาษี 90 วัน นักวิเคราะห์ชี้โอกาสดีลใหญ่ยังต่ำ คาดเดินหน้าข้อตกลงย่อยก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ สหรัฐอเมริกาและจีนได้ตกลงขยายเวลาข้อตกลงพักรบภาษี (tariff truce) ออกไปอีก 90 วัน ท่ามกลางสัญญาณว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) อาจพบกันในช่วงปลายปีนี้เพื่อเจรจาโดยตรง นักวิเคราะห์ประเมินว่าการขยายเวลานี้จะเปิดโอกาสสำหรับ "ข้อตกลงแบบเป็นขั้นตอน" (piecemeal agreements) ในประเด็นเจาะจง เช่น การผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออก และการเพิ่มการซื้อสินค้าบางประเภท แต่โอกาสบรรลุข้อตกลงขนาดใหญ่แบบเบ็ดเสร็จในระยะสั้นยังมีน้อย เนื่องจากข้อพิพาทเชิงโครงสร้างระหว่างสองประเทศยังคงซับซ้อนและไม่สามารถแก้ไขได้ภายในเวลาอันใกล้
ลินน์ ซง (Lynn Song) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ Greater China ของธนาคาร ING ชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายไม่มีประโยชน์ที่จะปล่อยให้ภาษีกลับมารุนแรงขึ้น แต่ก็ยากที่จะเห็นการบรรลุ "ข้อตกลงใหญ่" เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดในคราวเดียว ทำให้มีแนวโน้มที่การขยายเวลาพักรบและการปรับเงื่อนไขเล็กน้อยจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ฝั่งสหรัฐฯ ยังคงมุ่งผลักดันให้จีนเพิ่มการซื้อนำเข้าสินค้า เช่น ถั่วเหลือง ขณะที่ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่าอาจพบกับสี จิ้นผิง ก่อนสิ้นปีหากสามารถตกลงกันได้
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) ของมาเลเซีย เปิดเผยว่าสี จิ้นผิง มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในเดือนตุลาคม ซึ่งอาจกลายเป็นเวทีให้ทรัมป์และสีใช้พบปะในนัดสำคัญ เวนดี คัตเลอร์ (Wendy Cutler) อดีตรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และรองประธานสถาบัน Asia Society Policy Institute กล่าวว่า การเจรจานี้จะไม่ง่ายเหมือน "การเดินเล่นในสวน" และจีนจะเป็นคู่เจรจาที่มีข้อเรียกร้องมากขึ้นกว่าครั้งที่ทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก (Phase One)
จ๋า เต๋าเจียง (Zha Daojiong) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งอธิบายว่า การเจรจาซื้อขายต้องพิจารณาปัจจัยหลากหลาย เช่น ระดับการบริโภคในประเทศ สัญญาที่มีอยู่เดิม และต้นทุนจากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่สตีเฟน โอลสัน (Stephen Olson) อดีตผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่สถาบัน ISEAS – Yusof Ishak Institute ในสิงคโปร์ มองว่าจีนจะไม่ยอมทำข้อตกลงที่เสียฝ่ายเดียวอีกเหมือนรอบแรก และอาจใช้การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับการตกลงจัดประชุมสุดยอด ทรัมป์–สี
โอลสันคาดว่า หากมีการพบกันจริง อาจได้ข้อสรุปเพื่อลดภาษีเพิ่มเติมและผ่อนปรนในข้อจำกัดด้านการส่งออก แต่ประเด็นโครงสร้างสำคัญ เช่น นโยบายอุตสาหกรรมของจีน จะยังคงไม่ถูกแก้ไข แบรน หว่อง (Brian Wong) จากศูนย์ China and the World ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าวว่า จีนไม่น่าจะยอมให้มากไปกว่าการแลกเปลี่ยนตามหลักเท่าเทียมต่อการขยายระยะเวลาพักรบ และหากจีนเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งเสริมการบริโภคในประเทศ กระจายการลงทุนของรัฐ ปลุกความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอกชน และฟื้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็จะสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนจากนโยบายของทรัมป์ได้อย่างมั่นคง
ด้านสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการภาษีใหม่กับจีนกรณีซื้อน้ำมันจากรัสเซีย คล้ายกับที่เคยใช้กับอินเดีย โดยรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ (J.D. Vance) ระบุว่าทรัมป์กำลังพิจารณาภาษีนำเข้ารอบใหม่เพื่อตอบโต้การซื้อพลังงานดังกล่าว ด้านซู เยว่ (Su Yue) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ Economist Intelligence Unit กล่าวปิดท้ายว่า การแข่งขันระยะยาวระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถหาข้อสรุปง่าย ๆ เพราะครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ความมั่นคง และอิทธิพลต่อระเบียบโลก ซึ่งแต่ละมิติเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและพลวัตเฉพาะตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/economy/global-economy/article/3321606/whats-next-after-us-china-tariff-truce-and-why-it-far-walk-park?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article
Photo: Handout