รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกภารกิจทิ้งเสบียงทางอากาศให้กาซา

รัฐบาลทรัมป์ 'ยกเลิกภารกิจทิ้งเสบียงทางอากาศให้กาซา' แม้พันธมิตรอีกหลายยังดำเนินการอยู่
13-8-2025
Reuters รายงานว่า การทิ้งเสบียงทางอากาศเพื่อช่วยเหลือกาซาไม่เคยเป็นตัวเลือกที่จริงจังสำหรับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ตามที่แหล่งข่าวเปิดเผย แม้ว่าเขาจะแสดงความกังวลต่อการอดอยากในกาซาท่ามกลางแคมเปญทางทหารของอิสราเอลต่อต้าน Hamas ที่ดำเนินมาเกือบสองปี
ในยุคสมัยที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) บริหารประเทศ กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการทิ้งถุงยังชีพทางอากาศเข้าสู่ฉนวนกาซาหลายระลอก โดยสามารถส่งความช่วยเหลือได้รวมกว่า 1,220 ตัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และแหล่งข่าวในสหรัฐฯ หลายรายเปิดเผยว่า แนวทางดังกล่าวไม่เคยได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังจากคณะบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขากำลังแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความอดอยากในฉนวนกาซา ที่เกิดขึ้นท่ามกลางปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล (Israel) ต่อกลุ่มฮามาส (Hamas) ซึ่งยืดเยื้อมาเกือบสองปี
แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า การทิ้งถุงยังชีพทางอากาศถูกมองว่าเป็นแนวทางที่ไม่สมจริง (unrealistic) เพราะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของชาวปาเลสไตน์กว่า 2.1 ล้านคนได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ กลุ่มองค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทิ้งถุงยังชีพทางอากาศมาอย่างยาวนาน โดยระบุว่ามันเป็นเพียง "สัญลักษณ์" มากกว่าการเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างแท้จริง และชี้ว่าขนาดของวิกฤตในกาซานั้นจำเป็นต้องอาศัยการเปิดเส้นทางภาคพื้นดินเพื่อให้ความช่วยเหลือจำนวนมหาศาลสามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งหีบห่อที่มีน้ำหนักมากยังอาจเป็นอันตรายต่อพลเรือนที่รีบวิ่งเข้าไปรับความช่วยเหลือที่ร่อนลงมาด้วยร่มชูชีพได้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวถึงการหารือภายในคณะบริหารของทรัมป์ว่า "แนวทางนี้ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยเลย" ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายซึ่งคุ้นเคยกับประเด็นนี้กล่าวเสริมว่า "แนวทางนี้ไม่เคยเป็นตัวเลือกที่จริงจัง เพราะในเวลานี้มันไม่ใช่ทางเลือกที่สมเหตุสมผล" แหล่งข่าวรายดังกล่าวยังเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนได้ทำการจำลองสถานการณ์การปฏิบัติการ (war-gamed) และพบว่ามัน "ไม่สมจริงอย่างยิ่ง" พร้อมระบุว่ายังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะสามารถบริหารจัดการ "กำลังการขนส่งขนาดใหญ่" ได้อย่างไร แม้จะได้รับอนุมัติจากอิสราเอลให้ใช้ห้วงอากาศแล้วก็ตาม
แหล่งข่าวทางการทูตที่ไม่เปิดเผยชื่อเปิดเผยว่า เขาไม่ทราบถึงความสนใจของสหรัฐฯ ที่จะเข้าร่วมในภารกิจการทิ้งถุงยังชีพทางอากาศแต่อย่างใด ด้านเจ้าหน้าที่จากชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมในปฏิบัติการดังกล่าวอยู่แล้ว เปิดเผยว่า ไม่มีการพูดคุยใดๆ กับสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเข้าร่วมในภารกิจนี้ และสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์สำหรับปฏิบัติการที่ดำเนินการโดยประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ พันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ อย่างจอร์แดน (Jordan) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) และสหราชอาณาจักร (Britain) ได้ดำเนินการทิ้งถุงยังชีพทางอากาศเพื่อช่วยเหลือฉนวนกาซาไปแล้ว
เมื่อสอบถามความเห็น เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งระบุว่า คณะบริหารเปิดรับ "โซลูชันที่สร้างสรรค์" เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยกล่าวว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีโซลูชันที่สร้างสรรค์เพื่อ 'ช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์' ในกาซา เรายินดีกับทุกความพยายามที่มีประสิทธิภาพในการส่งอาหารให้ชาวกาซา และป้องกันไม่ให้อาหารเหล่านั้นตกไปอยู่ในมือของกลุ่มฮามาส" โดยอิสราเอลเริ่มอนุญาตให้มีการทิ้งถุงยังชีพทางอากาศในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ความกังวลของประชาคมโลกเกี่ยวกับความเสียหายด้านมนุษยธรรมจากสงครามในกาซาเริ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้การสนับสนุนความพยายามขององค์กร Gaza Humanitarian Foundation (GHF) ในการแจกจ่ายความช่วยเหลือให้กับชาวกาซา และกล่าวว่าสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ เพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มเติม รวมถึงอาหารและสุขอนามัย แต่เขาก็แสดงความไม่พอใจกับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมว่า ผู้นำกลุ่มฮามาสในตอนนี้จะถูก "ตามล่า" และกล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่าพวกเขา (ฮามาส) ต้องการตาย"
นอกจากนี้ อิสราเอลยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา รวมถึงการส่งเสริมปฏิบัติการช่วยเหลือของ GHF ซึ่งมีจุดแจกจ่ายเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้ของกาซาเท่านั้น และถูกกลุ่มช่วยเหลือและสหประชาชาติ (United Nations) กล่าวหาว่าเป็นอันตรายและไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าทางองค์กร GHF จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ตาม ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามในกาซาตลอดสองปีที่ผ่านมาเข้าใกล้ 60,000 ราย ทางการด้านสุขภาพของกาซาระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากภาวะอดอยากและทุพโภชนาการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพเด็กที่อดอยากได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลกและกระตุ้นให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลอย่างรุนแรง
ในส่วนของอดีตประธานาธิบดีไบเดน เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากจากสมาชิกพรรคเดโมแครต (Democrats) เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานด้านมนุษยธรรมในกาซา โดยนอกจากการทิ้งถุงยังชีพทางอากาศแล้ว ไบเดนยังสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ สร้างท่าเรือชั่วคราวบริเวณนอกชายฝั่งฉนวนกาซา เพื่อเป็นช่องทางในการส่งความช่วยเหลือ โดยท่าเรือดังกล่าวที่ประกาศในเดือนมีนาคม 2024 ต้องใช้กำลังทหารสหรัฐฯ ราว 1,000 นายในการก่อสร้าง แต่สภาพอากาศเลวร้ายและความท้าทายด้านการกระจายความช่วยเหลือในกาซา ทำให้ประสิทธิภาพของปฏิบัติการดังกล่าวซึ่งกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นปฏิบัติการส่งความช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง มีข้อจำกัด ท่าเรือดังกล่าวใช้งานได้เพียงประมาณ 20 วัน และมีค่าใช้จ่ายสูงถึงประมาณ 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/world/middle-east/trump-administration-us-air-drops-gaza-aid-were-never-serious-option-sources-say-2025-08-12/