สหรัฐฯ ร่วมปฏิรูปอุตฯ แร่ในคองโก–รวันดา

สหรัฐฯ ร่วมปฏิรูปอุตฯ แร่ในคองโก–รวันดา แหล่งแทนทาลัม–โคบอลต์–ทองคำ–ทองแดง–ลิเธียม หลังข้อตกลงสันติภาพที่วอชิงตัน
15-9-2025
Reuters รายงานว่า ร่างข้อตกลงคองโก-รวันดาเผยบทบาทสหรัฐฯ ในการปฏิรูปภาคแร่ หวังดึงการลงทุนหลังสันติภาพ ร่างกรอบการทำงานทางเศรษฐกิจที่ทั้งรวันดา (Rwanda) และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of Congo) กำลังหารือร่วมกัน จะกำหนดให้ทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับบุคคลที่สาม รวมถึงสหรัฐฯ (US) เพื่อปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุและพัฒนาการปฏิรูปกฎระเบียบ . นี่เป็นความพยายามที่จะกระตุ้นการลงทุนหลังจากข้อตกลงสันติภาพที่บรรลุในกรุงวอชิงตัน (Washington)
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ระบุว่าทั้งสองประเทศได้เห็นชอบกับร่างกรอบการทำงานดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพ โดยขณะนี้ร่างดังกล่าวกำลังถูกหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ เช่น ภาคเอกชน ธนาคารพหุภาคี และหน่วยงานผู้บริจาคของบางประเทศ คาดว่าคองโก (Congo) และรวันดา (Rwanda) จะนัดพบกันในช่วงต้นเดือนตุลาคมเพื่อสรุปกรอบการทำงาน ก่อนที่ผู้นำของทั้งสองประเทศจะลงนามในภายหลัง
กรอบการทำงานความยาว 17 หน้าฉบับนี้มีขึ้นหลังจากทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพในกรุงวอชิงตัน (Washington) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) . ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติการสู้รบที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และดึงดูดการลงทุนจากชาติตะวันตกหลายพันล้านดอลลาร์ในภูมิภาคที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น แทนทาลัม (tantalum), ทองคำ, โคบอลต์ (cobalt), ทองแดง และลิเทียม (lithium)
การปฏิรูปที่มุ่งสู่ความโปร่งใส
ตามร่างดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ (US) และพันธมิตรระหว่างประเทศอื่น ๆ เพื่อพัฒนาการริเริ่มด้านกฎระเบียบและการปฏิรูปเพิ่มเติม “ที่จำเป็นต่อการลดความเสี่ยงของการลงทุนในภาคเอกชนในลักษณะที่คุ้มค่า” เพื่อลดการค้าที่ผิดกฎหมายและเพิ่มความโปร่งใส
นอกจากนี้พวกเขายังจะนำกลไกความโปร่งใสภายนอกมาใช้ ซึ่งรวมถึงการให้คำมั่นที่จะดำเนินการตามแนวทางจาก องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD) และองค์กรอื่น ๆ ตามร่างกรอบการทำงานนี้ ยังจะมีการตรวจสอบไซต์เหมืองโดยบุคคลที่สาม และการทำงานร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน
ความท้าทายที่ยังคงอยู่
แม้จะมีความก้าวหน้า แต่มีความกังวลว่ากำหนดเวลาในการนำไปปฏิบัติอาจเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ . นักการทูตตะวันตกรายหนึ่งกล่าวว่า “หนึ่งในอุปสรรคหลักในการสรุปและลงนามในข้อตกลงระดับภูมิภาคนี้คือข้อเท็จจริงที่ว่ากระบวนการสันติภาพอื่น ๆ หยุดชะงักไปแล้ว” โดยเสริมว่ารวันดา (Rwanda) ยังไม่ได้ถอนทหารออกไป และปฏิบัติการต่อต้านกลุ่ม Democratic Forces for the Liberation of Rwanda (FDLR) ยังไม่ได้เริ่มขึ้น
นักการทูตรายนี้กล่าวว่า ความพยายามแยกต่างหากในการไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลคองโก (Congo) และกบฏ M23 ที่ได้รับการสนับสนุนจากรวันดา (Rwanda) กำลังเผชิญกับความยากลำบาก . “หากไม่มีความคืบหน้าด้านความมั่นคง พันธมิตร... และแม้แต่ผู้มีส่วนร่วมเอง ก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้คำมั่นในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ”
เจ้าหน้าที่คองโก (Congo) คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ส (Reuters) ในเดือนนี้ว่า คินชาซา (Kinshasa) “ไม่สามารถพิจารณาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับรวันดา (Rwanda) ตราบใดที่กองทัพของพวกเขายังคงยึดครองส่วนหนึ่งของดินแดนของเรา” คินชาซา (Kinshasa) มองว่าการปล้นสะดมความมั่งคั่งจากแร่ธาตุเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งระหว่างกองกำลังของตนและกบฏ M23 ในภาคตะวันออกของคองโก (Congo)
ในร่างที่ตกลงกันเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งรวันดา (Rwanda) และคองโก (Congo) ได้ยืนยันว่าแต่ละประเทศมี “การควบคุมอธิปไตยอย่างสมบูรณ์” เหนือการแสวงหาประโยชน์ การแปรรูป และการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติของตน และตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาขีดความสามารถในการแปรรูปแร่ธาตุภายในประเทศ
ทั้งสองประเทศยังให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าการค้าแร่ธาตุจะไม่เป็นแหล่งทุนให้กับกลุ่มติดอาวุธอีกต่อไป และจะสร้างภาคการขุดเจาะเหมืองแร่ระดับโลกในภูมิภาค รวมถึงการสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนที่ดีขึ้นในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุด้วย
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/world/africa/congo-rwanda-draft-deal-outlines-role-us-others-revamp-minerals-sector-2025-09-14/