.

ญี่ปุ่นยุค ทาคาอิจิ ขับเคลื่อนญี่ปุ่นแนวชาตินิยม เพิ่มศักยภาพกองทัพ สานสัมพันธ์ วอชิงตัน รับมือจีน–รัสเซีย
22-10-2025
RT รายงานว่า ซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ หลังจากชนะการลงคะแนนเสียงในรัฐสภาเมื่อวันอังคาร การขึ้นสู่ตำแหน่งของนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมและชาตินิยมวัย 64 ปีจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ผู้นี้ ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่นให้มีความเฉียบขาดและแข็งกร้าวมากขึ้น
ทาคาอิจิมักถูกขนานนามว่าเป็น "Iron Lady" แห่งญี่ปุ่น ตามอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ มาร์กาเรต แธตเชอร์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจทางการเมืองของเธอ ทั้งยังถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดทางการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ โดยมีวาระสำคัญคือการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารและการรักษาสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีน
วาระสำคัญด้านความมั่นคงและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นโยบายหลักของนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิคือการปรับปรุงทิศทางด้านความมั่นคงของประเทศ โดยเธอสนับสนุน:
การแก้ไขรัฐธรรมนูญสันติภาพ: เธอสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 9 (Pacifist Clause) ของรัฐธรรมนูญหลังสงคราม ซึ่งจำกัดบทบาททางทหารของญี่ปุ่น
การรับรองกองกำลังป้องกันตนเอง (SDF): ผลักดันให้มีการรับรองกองกำลัง SDF เป็น กองทัพแห่งชาติ อย่างเป็นทางการ
เพิ่มงบประมาณกลาโหม: สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม และความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับสหรัฐอเมริกา
ยับยั้งอิทธิพลจีน: มองว่าอำนาจทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวล และเรียกร้องมาตรการยับยั้ง รวมถึงการจัดตั้ง สนธิสัญญาความมั่นคงกับไต้หวัน
นอกจากนี้ ทาคาอิจิยังถูกมองว่าไม่น่าจะดำเนินมาตรการฟื้นฟูความสัมพันธ์ใด ๆ กับรัสเซีย เนื่องจากเธอยืนยันสิทธิ์อธิปไตยเหนือ หมู่เกาะคูริลใต้ (Southern Kuril Islands) ซึ่งถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตในปี 1945
ประเด็นอ่อนไหวทางประวัติศาสตร์และสังคม
ทาคาอิจิเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมุมมองที่ถูกมองว่าเป็นการ ทบทวนประวัติศาสตร์ (Historical Revisionism) โดยเธอมักเดินทางไปสักการะ ศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine) ซึ่งเป็นสถานที่สักการะดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในสงครามของญี่ปุ่น รวมถึงอาชญากรสงครามโลกครั้งที่สองที่ถูกตัดสินลงโทษด้วย เธอชี้แจงว่าการไปเยือนเป็นเพียงการแสดงความเคารพส่วนบุคคล และโต้แย้งว่าอาชญากรรมสงครามที่กระทำโดยทหารญี่ปุ่นนั้นถูกกล่าวเกินจริง
ในประเด็นภายในประเทศ ทาคาอิจิเป็นนักอนุรักษ์นิยมทางสังคมที่ชัดเจน:
คัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน
สนับสนุนการสืบทอดราชบัลลังก์โดยผู้ชายเท่านั้น
คัดค้านข้อเสนอให้คู่สมรสสามารถใช้นามสกุลแยกกันได้
เรียกร้องให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งของพรมแดน และเข้มงวดกับนโยบายคนเข้าเมืองและผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับการอยู่เกินวีซ่า การท่องเที่ยวที่มากเกินไป และการซื้อที่ดินโดยชาวต่างชาติใกล้กับสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
การรับตำแหน่งของทาคาอิจิเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญกับอัตราการเกิดที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ และความไม่พอใจของสาธารณชนต่อเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในพรรครัฐบาล LDP
วาระทางการเมืองที่แข็งกร้าวของทาคาอิจิในด้านความมั่นคงอาจช่วยสร้างความชัดเจนให้กับพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจเพิ่มความตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้าน และอาจส่งผลต่อการสนับสนุนจากสาธารณชนภายในประเทศที่ต้องรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมที่ซับซ้อน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/626759-japan-elects-female-pm/