จีน–อิหร่านร่วมมือพัฒนาอาวุธขีปนาวุธ
จีน–อิหร่านร่วมมือพัฒนาอาวุธขีปนาวุธ รับมือความตึงเครียดกับสหรัฐฯ–อิสราเอล
1-11-2025
Newsweek รายงานว่า สำนักข่าว CNN ซึ่งอ้างอิงแหล่งข่าวกรองจากยุโรป ระบุว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน กำลังให้การสนับสนุนอิหร่านในการฟื้นฟูโครงการขีปนาวุธ ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก การสนับสนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากสงคราม 12 วันในเดือนมิถุนายน ซึ่งอิสราเอลได้โจมตีขีปนาวุธและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างหนัก ขณะที่สหรัฐฯ (U.S.) ได้ทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์สำคัญสามแห่งของอิหร่านด้วย
ภายหลังสงครามครั้งดังกล่าว อิหร่านได้หันไปพึ่งพาพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ยาวนานอย่าง จีน และ รัสเซีย (Russia) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเสียหายและผลพวงจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ท่ามกลางความล้มเหลวในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่
รายงานยังระบุถึงปฏิบัติการทางทหารที่ผ่านมาของอิหร่านในช่วงความขัดแย้ง ซึ่งมีการยิงขีปนาวุธโจมตีเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล รวมถึงการโจมตีฐานทัพ Al-Udeid military base ใน กาตาร์ (Qatar) ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
รายละเอียดการสนับสนุนและสารตั้งต้นเชื้อเพลิงขีปนาวุธ
รายงานของ CNN เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน อิหร่านได้รับสารตั้งต้นเชื้อเพลิงขีปนาวุธจากจีน 2,000 ตัน ของสาร sodium perchlorate ซึ่งเป็นสารตั้งต้นเชื้อเพลิงที่เพียงพอสำหรับการผลิตขีปนาวุธนำวิถี (ballistic missiles) ประมาณ 500 ลูก ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ CNN เคยรายงานการขนส่งสาร sodium perchlorate จำนวน 1,000 ตันจากจีนไปยังอิหร่านมาแล้ว
นอกจากนี้ รายงานจากสื่ออิสราเอลเมื่อเดือนสิงหาคมได้เตือนถึงความร่วมมือทางทหารที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านและจีนในการผลิตขีปนาวุธพื้นสู่พื้น (surface-to-surface missiles) โดยอ้างอิงจากหน่วยงานข่าวกรองยุโรปที่กำลังติดตามความร่วมมือดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
การตอบโต้ของอิหร่านต่อความกังวลของสหรัฐฯ
นายมาร์โค รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวในเดือนกันยายนว่า การที่อิหร่านมีโอกาสครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และมีขีปนาวุธที่ "สามารถส่งอาวุธเหล่านั้นไปได้ไกล" ถือเป็น "ความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้" อย่างไรก็ตาม ทางเตหะรานได้ปฏิเสธคำวิจารณ์ต่อโครงการขีปนาวุธของตน
ตั้งแต่สิ้นสุดความขัดแย้งกับอิสราเอล อิหร่านได้ส่งสัญญาณว่ามีการสร้างขีปนาวุธล้ำสมัยรุ่นใหม่ที่พร้อมจะใช้งานเพื่อตอบโต้ หากมีการโจมตีเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยอิหร่านได้ดำเนินการทดสอบระบบขีปนาวุธ และเพิ่งเปิดตัววิดีโอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่แสดงให้เห็นถึงคลังแสงขีปนาวุธใต้ดินที่ได้รับการฟื้นฟูและอัพเกรด
ยิ่งไปกว่านั้น อิหร่านได้ประกาศว่าตนเองไม่มีพันธะผูกพันกับ แผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (Joint Comprehensive Plan of Action - JCPOA) ปี 2015 อีกต่อไป ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเพื่อแลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร โดยข้อตกลง JCPOA ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม
นายเจฟฟรีย์ ลูอิส (Jeffrey Lewis) ผู้อำนวยการโครงการ East Asia Nonproliferation Project ณ Middlebury Institute of International Studies ให้ความเห็นกับ CNN ว่า "สาร sodium perchlorate จำนวน 2,000 ตันนั้นเพียงพอสำหรับขีปนาวุธเพียงประมาณ 500 ลูก ซึ่งนับว่ามาก แต่อิหร่านวางแผนที่จะผลิตประมาณ 200 ลูกต่อเดือนก่อนสงคราม และตอนนี้ต้องเปลี่ยนขีปนาวุธทั้งหมดที่ถูกอิสราเอลทำลายหรือที่ถูกนำไปใช้แล้ว"
ด้านนายเอสมาอิล บาเกอี (Esmaeil Baqaei) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวในเดือนกันยายนว่า "สหรัฐฯ ไม่อยู่ในสถานะที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของอิหร่านได้" การพัฒนาโครงการขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องของอิหร่านคาดว่าจะกลายเป็นแหล่งที่มาใหม่ของความตึงเครียดกับอิสราเอลและสหรัฐฯ ในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/china-iran-missile-boost-amid-tensions-us-10971262