จีนเร่งพัฒนาเรือดำน้ำติดเลเซอร์
จีนเร่งพัฒนาเรือดำน้ำติดเลเซอร์ 'พร้อมโจมตีดาวเทียม Starlink' ของสหรัฐฯ หากมีภัยคุกคาม
24-11-2025
SCMP รายงานว่า การศึกษาล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์ของ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ได้เปิดเผยแนวคิดในการพัฒนาเรือดำน้ำที่ติดตั้งอาวุธเลเซอร์กำลังสูง เพื่อใช้ในภารกิจต่อต้านดาวเทียมที่โคจรต่ำอย่างเครือข่าย Starlink ของ SpaceX หากความมั่นคงของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง รายงานนี้เสนอให้มีการผลิตเรือดำน้ำโจมตีด้วยเลเซอร์ประเภทนี้ในปริมาณมาก และประจำการในมหาสมุทรต่าง ๆ เพื่อขยายขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภัยคุกคามทางทหารจากอวกาศ
ทีมวิจัยที่นำโดย ศาสตราจารย์หวัง ตัน (Wang Dan) จาก Naval Submarine Academy เสนอให้ติดตั้ง อาวุธเลเซอร์โซลิดสเตตขนาดเมกะวัตต์ ไว้ที่ส่วนกลางของเรือดำน้ำ โดยสามารถยิงโจมตีดาวเทียมได้จากใต้น้ำผ่านการยก เสาออปโตอิเล็กทรอนิกส์ (Optoelectronic Mast) ที่สามารถพับเก็บได้ขึ้นเหนือผิวน้ำชั่วคราว ก่อนที่จะดำดิ่งกลับสู่ความลึกอีกครั้ง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าสำหรับภารกิจต่อต้านดาวเทียม ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่การยิงให้โดน แต่คือการซ่อนตัวจากการตรวจจับ ซึ่งวิธีปัจจุบันที่ต้องพึ่งพาขีปนาวุธจากพื้นดินนั้นมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกตรวจพบและทำลายโดยกองกำลังศัตรู
การใช้อาวุธเลเซอร์จากเรือดำน้ำเข้ามาแก้ไขจุดอ่อนนี้ โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับเครือข่ายดาวเทียมที่มีความหนาแน่นและมีขนาดเล็กอย่าง Starlink ทีมงานระบุว่าดาวเทียม Starlink มีจำนวนมากและมีความยืดหยุ่นสูง การใช้ขีปนาวุธในการโจมตีเครือข่ายดังกล่าวจึงเป็นวิธีการที่ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีดาวเทียมสำรองพร้อมเข้ามาแทนที่ได้ทันที ด้วยเหตุนี้ อาวุธเลเซอร์ที่ติดตั้งบนเรือดำน้ำจึงเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพมากกว่าในการจัดการกับเครือข่ายดาวเทียมขนาดใหญ่ได้อย่างแนบเนียน
รายงานยังได้ให้รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติการโจมตีดาวเทียมอย่างเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การส่งเรือดำน้ำที่ติดตั้งอาวุธเลเซอร์ไปยังพื้นที่เป้าหมายตามคำสั่ง จากนั้นเรือดำน้ำจะรอให้ดาวเทียมเข้ามาในพิสัยโจมตี โดยจะมีการกำหนดเวลายกอาวุธเลเซอร์ขึ้นจากใต้น้ำตามเวลาที่ดาวเทียมจะโคจรผ่าน แม้การตรวจจับเป้าหมายจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของเรือดำน้ำเป็นหลัก แต่ก็ยังต้องอาศัยการชี้เป้าหมายจากกองกำลังอื่นเพื่อให้ข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำ ก่อนที่เรือดำน้ำจะดำน้ำลงไปหลังจากปฏิบัติการเสร็จสิ้นเพื่อรอภารกิจต่อไป
แรงผลักดันเบื้องหลังการศึกษานี้มาจากการประเมินภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ในปี 2021 ที่ดาวเทียม Starlink เข้าใกล้สถานีอวกาศจีนอย่างอันตราย ซึ่งทำให้ปักกิ่งเชื่อว่าดาวเทียมเหล่านี้สามารถถูกนำมาใช้โจมตีทรัพย์สินทางอวกาศที่มีมูลค่าสูงของจีนได้ นอกจากนี้ ความสำเร็จในการทดสอบจรวด Starship ของ SpaceX ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารจีนว่า ดาวเทียม Starlink ในอนาคตอาจบรรทุกอุปกรณ์เสริมสำหรับกิจกรรมทางทหาร เช่น การลาดตระเวนและการรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวโครงการ Starshield ที่ดำเนินการร่วมกันระหว่าง เพนตากอน (Pentagon) และ SpaceX เพื่อติดตามอาวุธไฮเปอร์โซนิกของจีน การใช้งาน Starlink ในสงครามยูเครนเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้จีนเพิ่มความเร็วในการวิจัยและพัฒนาอาวุธเลเซอร์
เพื่อให้แนวคิดนี้เป็นจริง จีนได้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญในการพัฒนาอาวุธเลเซอร์กำลังสูง ซึ่งรวมถึงระบบจ่ายพลังงานที่สามารถรองรับการยิงความหนาแน่นสูง เลเซอร์โซลิดสเตตที่ทรงพลังแต่มีขนาดกะทัดรัด และเทคโนโลยีในการสังเคราะห์ลำแสงเลเซอร์โดยใช้เส้นใยนำแสงหลายร้อยเส้น ซึ่งรวมถึงเส้นใยนำแสงที่สามารถส่งพลังงานได้มากกว่า 10,000 วัตต์ด้วยคุณภาพสูง ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยปูทางไปสู่การสร้างอาวุธเลเซอร์ที่ตอบโจทย์ความท้าทายด้านพลังงาน ความร้อน และทัศนศาสตร์ในการใช้งานทางทหาร
นอกเหนือจากการต่อต้านดาวเทียมแล้ว ทีมวิจัยยังระบุว่าเรือดำน้ำติดอาวุธเลเซอร์เหล่านี้สามารถปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุ้มกันเรือดำน้ำขีปนาวุธยุทธศาสตร์ในภารกิจโจมตีตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์ ซึ่งอาวุธเลเซอร์สามารถใช้รบกวนหรือทำลายดาวเทียมที่โคจรอยู่เหนือพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อปกปิดการปล่อยขีปนาวุธได้ นอกจากนี้ เรือดำน้ำติดเลเซอร์ยังสามารถใช้โจมตีอากาศยานต่อต้านเรือดำน้ำ โดยคาดการณ์ว่าเลเซอร์ขนาด 150 กิโลวัตต์สามารถสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์ตรวจจับภาพถ่ายของเครื่องบินในหนึ่งในห้าของวินาทีในระยะมากกว่า 20 กม. หรือแม้แต่โจมตีเป้าหมายบนบกและปิดล้อมท่าเรือเพื่อตัดการเติมเสบียงพลเรือนในประเทศเกาะ ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่จะลดการสนับสนุนสาธารณะสำหรับสงคราม
การที่เรือดำน้ำมีคุณสมบัติในการพรางตัวสูงและมีความสามารถในการเดินเรือใต้น้ำได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำให้เรือดำน้ำติดอาวุธเลเซอร์เป็นทางเลือกที่เหนือกว่าเรือรบผิวน้ำในการคุ้มกันเส้นทางการค้าทางทะเลของจีน (Sea Lines of Communication) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับเสบียงที่จำเป็นในช่วงสงคราม โดยเฉพาะน้ำมัน แนวคิดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ของ PLA ในการแสวงหาขีดความสามารถที่ซ่อนเร้นและมีประสิทธิภาพสูงเพื่อรับมือกับระบบเฝ้าระวังและการต่อต้านของศัตรูในยุคของสงครามสมัยใหม่
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/science/article/3270890/china-could-attack-starlink-satellites-submarine-laser-weapon-naval-study?module=top_story&pgtype=homepage