18/10/2024
อิสราเอลยืนยันในวันพฤหัสบดีว่า ได้สังหาร ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ในปฏิบัติการโจมตีครั้งล่าสุดในฉนวนกาซ่าที่พุ่งเป้าจัดการกับสมาชิก 3 คนของกลุ่มติดอาวุธนี้
ทั้งนี้ อิสราเอลรายงานด้วยว่า ไม่มีสัญญาณว่า มีตัวประกันอยู่ในอาคารที่เป็นเป้าการโจมตีที่ได้สังหารนักรบกลุ่มติดอาวุธทั้ง 3 คนสำเร็จ
ซินวาร์ เป็นผู้นำการโจมตีใส่อิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งเป็นชนวนของสงครามในกาซ่าที่ดำเนินมากว่าปีนี้ โดยซินวาร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฮามาส หลังการลอบสังหารอดีตผู้นำของกลุ่มซึ่งก็คือ อิสมาอิล ฮานิเยห์ เมื่อเดือนสิงหาคม ในกรุงเตหะราน
มีรายงานว่า พบเงินสด เอกสารประจำตัวและอาวุธข้าง ๆ ศพของสมาชิกฮามาสทั้ง 3 คน ขณะที่ สื่ออิสราเอลเปิดเผยว่า กองกำลังกำลังอิสราเอลไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อดำเนินปฏิบัติการลอบสังหารและไม่ได้รับทราบรายงานข่าวกรองใด ๆ ที่ชี้ว่า ซินวาร์อยู่ในอาคารดังกล่าว
ซินวาร์ซึ่งเกิดในค่ายผู้อพยพในเมืองคานยูนิสของฉนวนกาซ่า เป็นสมาชิกคนแรก ๆ ของกลุ่มฮามาสที่ก่อตั้งในปี 1987 โดยต่อมาได้ก้าวขึ้นมารับผิดชอบหน่วยงานติดอาวุธของกลุ่มที่ทำหน้าที่จัดการกับสายลับของอิสราเอล
อิสราเอลเคยจับกุมตัวซินวาร์ได้เมื่อปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980 โดยในเวลานั้น เขายอมรับว่า ลงมือสังหารผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธนี้ไป 12 คนซึ่งทำให้ซินวาร์ได้รับฉายา “นักฆ่าแห่งคานยูนิส” โดยอิสราเอลสั่งจำคุกเขาตลอดชีวิต 4 รอบจากการกระทำผิดหลายข้อหา
แต่หลังรอดชีวิตจากการเป็นมะเร็งในสมองเมื่อปี 2008 เพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีคำสั่งปล่อยตัวซินวาร์จากเรือนจำในปี 2011 ก่อนจะถูกแลกตัวกับนายทหารคนหนึ่งของอิสราเอลที่ถูกฮามาสจับตัวเป็นนักโทษไว้ได้ก่อนหน้า
เมื่อกลับไปยังกาซ่าได้ ซินวาร์ได้กลับคืนสู่กลุ่มฮามาสและไต่เต้าอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศให้อยู่ในรายชื่อกลุ่ม “ผู้ก่อการร้ายระดับโลก” ในปี 2015
รายงานข่าวระบุว่า ซินวาร์เป็นผู้นำปฏิบัติการของฮามาสในกาซ่า และทำงานร่วมกับฮานิเยห์ในการนำพากลุ่มให้เข้าหาอิหร่านและกลุ่มตัวแทนอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง พร้อม ๆ กับการเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของฮามาสไปด้วย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่ารายงานในวันพฤหัสบดีด้วยว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเข้าใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นศูนย์หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คนที่รวมถึงเด็ก 5 คนด้วย
แต่อิสราเอลระบุว่า การโจมตีของตนพุ่งเป้าไปยังนักรบฮามาสและกลุ่มอิสลามิกจิฮัดหลายสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนแห่งดังกล่าว
ฟาเรส อาบู ฮัมซา หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินพื้นที่ภาคเหนือของกระทรวงสาธารสุขกาซ่า ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต และกล่าวว่า มีผู้คนอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเปิดเผยว่า “ผู้หญิงและเด็กหลายคนมีอาการเจ็บสาหัส” ด้วย
กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คนและมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะโจมตีโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงและเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า
ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันพุธ นักการทูตทั้งหลายได้รับแจ้งรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่าที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอิสราเอลเดินหน้ายกระดับปฏิบัติการทางทหารอยู่
จอยซ์ มซูยา รักษาการหัวหน้าโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งต่อที่ประชุมว่า “ไม่มีความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าไปยังภาคเหนือของกาซ่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมถึง 15 ตุลาคม เมื่อมีการอนุญาตให้นำส่งสิ่งของไม่มากเข้าไปได้เท่านั้น และเสบียงสิ่งของจำเป็นทั้งหมดเพื่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดก็เริ่มหมดลงแล้ว”
มซูยายังกล่าวด้วยว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม มีการประสานการเคลื่อนย้าย(ความช่วยเหลือ)เพียง 1 เที่ยวจากทั้งหมด 54 เที่ยวที่เข้าไปยังภาคเหนือ(ของกาซ่า) ผ่านจุดตรวจข้ามแดน อัล ราชิด ด้วยการอำนวยความสะดวกโดยทางการอิสราเอล ขณะที่ การนำส่งอีก 4 เที่ยวถูกมซูยายังกล่าวด้วยว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม มีการประสานการเคลื่อนย้าย(ความช่วยเหลือ)เพียง 1 เที่ยวจากทั้งหมด 54 เที่ยวที่เข้าไปยังภาคเหนือ(ของกาซ่า) ผ่านจุดตรวจข้ามแดน อัล ราชิด ด้วยการอำนวยความสะดวกโดยทางการอิสราเอล ขณะที่ การนำส่งอีก 4 เที่ยวถูกขัดขวางในช่วงต้นก่อนจะไปถึงที่หมายได้” และว่า “85% ของการนำส่งนั้นถูกปฏิเสธและที่เหลือก็ถูกสกัดไว้หรือยกเลิก เนื่องจากประเด็นด้นความปลอดภัยหรือโลจิสติกส์”ในช่วงต้นก่อนจะไปถึงที่หมายได้” และว่า “85% ของการนำส่งนั้นถูกปฏิเสธและที่เหลือก็ถูกสกัดไว้หรือยกเลิก เนื่องจากประเด็นด้นความปลอดภัยหรือโลจิสติกส์”
สมาชิกคณะมนตรีฯ ที่เข้าร่วมประชุมต่างประณามสถานการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประเด็นคำสั่งอพยพของอิสราเอลด้วย และหลายคนกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่คณะมนตรีฯ จะพิจารณา “เครื่องมือ” ทั้งหลายที่มีเพื่อบังคับใช้มติที่มีออกมา ซึ่งหมายถึงการลงโทษทางเศรษฐกิจต่าง ๆ
การประชุมนัดนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลเพิ่มการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าภายในเดือนหน้า มิฉะนั้นกรุงวอชิงตันอาจตัดความช่วยเหลือทางทหารเพื่อสนับสนุนการสู้รบกับกลุ่มฮามาส
IMCT News
*ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์