ปูตินจะงับเบ็ดของอังกฤษหรือไม่?

ปูตินจะงับเบ็ดของอังกฤษหรือไม่?
การโจมตีโดยโดรนของยูเครนต่อเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของรัสเซียที่จอดอ้าซ่าแบบเปิดเผยในสนามบินของกองทัพอากาศของรัสเซียหลายแห่งถือว่าเป็นการยั่วยุที่ก้าวร้าวและรุนแรง โดยที่หน่วยงานด้านความมั่นคงMI 6ของอังกฤษ รวมท้ังฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง
ลำพังยูเครนไม่มีศักยภาพที่จะคิดการใหญ่ในลักษณะนี้ ที่มีเป้าหมายต้องการสกัดความพยายามใดๆที่จะบรรลุสันติภาพในสงครามที่ดำเนินมานานกว่าสามปี แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นการใช้โดรนโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของรัสเซียต้องการท้าทายประธานาธิบดีปูติน และยั่วยุให้ปูตินต้องตอบโต้อย่างรุนแรงจนทำให้สงครามยูเครนขยายวงเข้าไปในยุโรปจนกลายเป็นสงครามโลกคร้ังที่ 3
เราต้องเข้าใจว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของรัสเซียไม่ได้เป็นภัยต่อยูเครน เพราะว่ารัสเซียไม่ได้ใช้งานเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์เหล่านี้ เพราะฉะนั้นการใช้โดรนโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของรัสเซียจึงเป็นการกระทำที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับนาโต้ที่ต้องการให้กองทัพอากาศรัสเซียอ่อนกำลังลงมากกว่า
ใช่แล้ว อังกฤษและตะวันตกต้องการสงครามโลกคร้ังที่ 3 เพื่อที่จะรีเซ็ตล้างหนี้ โดยหวังว่าจะสามารถกลับมาควบคุมระบบการเงินโลกอีกคร้ัง เพราะว่าท้ังอังกฤษและสหรัฐ ซึ่งคอนโทรลระบบโลกในปัจจุบันกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อมเนื่องจากวิกฤติหนี้ที่แก้ไม่ได้ และความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ลดลงไปเรื่อยๆ ความล้มเหลวทางการเงิน และเศรษฐกิจของตะวันตกจะนำไปสุ่ปัญหาสังคมที่จะตามมา เพราะว่าประชาชนจะตกงาน อดอยาก และสวัสดิการที่รัฐบาลสัญญาว่าจะให้หายไป ในขณะที่ระบบธนาคารสูบความมั่งคั่งส่วนใหญ่จากระบบไปเกือบหมดสิ้น
แทนที่จะหาทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการเงิน หรือปรับโครงสร้างหนี้ตามกลไกของตลาด อังกฤษ สหรัฐและตะวันตกกลับพยายามเบี่ยงเบนปัญหาภายในไปสู่ภายนอก ในยุโรป มีการโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นวาทะกรรมหลักในเวลานี้ว่า ยุโรปต้องเตรียมตัวเข้าสู่ภาวะสงคราม เพราะว่าอีกไม่ช้าไม่นานปูตินจะรุกรานยุโรปหลังสงครามยูเครนปิดฉาก จึงมีความจำเป็นที่ต้องเลี้ยงไข้สงครามยูเครนไปเรื่อยๆ แพ้ชนะไม่สำคัญเท่ากับการเลี้ยงไข้สงครามที่ผลประโยชน์ตกอยู่กับกลุ่มอุตสาหกรรมทางทหาร (Military Industrial Complex) ที่จะขายอาวุธ
เคียร์ สตามเมอร์นายกอังกฤษเป็นผู้นำยุโรปที่ออกตัวแรงที่สุดในการยกระดับการเผชิญหน้ากับรัสเซีย โดยกำลังเตรียมความพร้อมให้อังกฤษเข้าสู่โหมดของสงคราม เยอรมนี ฝรั่งเศส และประเทศยุโรปตะวันตกอื่นๆก็กำลังพูดการเพิ่มงบช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนต่อไป รวมท้ังเรื่องการเตรียมตัวการเกณฑ์ทหาร และการเพิ่มงบประมาณทางกลาโหม โดยไม่ให้กับความสนใจในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เยอรมนีกับญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าเพื่อนในกลุ่มประเทศจี7ในเวลานี้ แม้ว่าอังกฤษจะพยายามปกปิดวิกฤตที่รุนแรงของตัวเองไม่แพ้กัน
สถานการณ์ของยุโรปคล้ายกันกับสหรัฐ ทำให้เกิดปรากฎการณ์ของโดนัลด์ ทรัมป์ แทนที่ทรัมป์จะมองวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ และวิกฤติหนี้ที่กำลังก่อตัวว่าเป็นปัญหาภายในที่จำเป็นต้องแก้ไข เขากลับเบี่ยงเบนประเด็นไปโทษจีน และประเทศต่างๆที่ส่งสินค้าเข้าไปขายในสหรัฐ รวมท้ังเรื่องอิมมิเกรชั่น วิกฤติสหรัฐเกิดจากการบริโภคที่เกินตัว การย้ายฐานผลิตของบริษัทอเมริกันไปต่างประเทศ การแปลงระบบเศรษฐกิจเป็นการเงิน (financialization) การไม่ให้ความสนใจในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อปรับปรุงระบบเศรษฐกิจ การก่อหนี้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดภาครัฐเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทางทหาร ทำให้หนี้ของสหรัฐสูงสุดในโลกในเวลานี้จนสร้างความหวั่นไหวในตลาดพันธบัตรรัฐบาล สงครามภาษีของทรัมป์ในเวลานี้เป็นการโบ้ยปัญหาภายในไปสู่ภายนอก โดยมีจีนเป็นแพะรายใหญ่สุด
อยู่ดีๆฮุนเซนหาเรื่องทะเลาะกับไทยในบริเวณชายแดนก็มีสาเหตุเหมือนกันกับที่อังกฤษและสหรัฐทำในเวลานี้คือหาแพะนอกบ้านตัวเอง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และสร้างอารมณ์ร่วมของความรักชาติ จากการที่ฮุนเซนเจอปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจภายในที่แก้ไขลำบาก และถูกต่อต้านจากภายในว่ายอมเวียดนามมากเกินไปในบริเวณพรมแดนตะวันออก ท้ังๆที่ทุกคนทราบความจริงว่าฮุนเซนสนิทชิดเชื้อกับทักษิณ ชินวัตร สามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง แต่เวลานี้ทำไมไม่คุยกัน หรือคุยกันไม่รู้เรื่อง
แต่สงครามภาษีจะไม่เป็นการแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ถูกจุด ทรัมป์เองก็กำลังเล่นเกมสองแง่สามง่ามว่าต้องการสันติภาพแต่ในขณะเดียวกันทรัมป์กลับยังคงให้อาวุธสนับสนุนยูเครนให้ทำสงครามกับรัสเซียต่อไป รวมท้ังมีท่าทีที่แข็งกร้าวในลักษณะต้องการทำสงครามกับอิหร่าน โดยอ้างว่าอิหร่านไม่ยอมยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ ในขณะเดียวกันทรัมป์เองก็ติดกับดักในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซ่าโดยให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่ลืมหูลืมตา
จะเห็นได้ว่าท้ังอังกฤษ ยุโรปตะวันตกและสหรัฐต่างก็มีท่าทีเหมือนกัน คือไม่ต้องการเดินในเส้นทางที่เจ็บปวดในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการเงิน รวมท้ังแก้วิกฤติหนี้ เพราะว่าจะทำให้ล้าหลัง ถดถอย และสูญเสียอำนาจในการควบคุมระบบโลกให้กับมหาอำนาจตะวันออก หากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปอย่างนี้ จีน และรัสเซีย ซึ่งเป็นแกนนำหลักของกลุ่มBRICS จะผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกแทนภายในระยะเวลา5-7ปีข้างหน้า ตะวันตกจะสูญเสียอำนาจในการควบคุมระบบโลกที่ตนเองครบครองมาเป็นเวลากว่า500ปี
ผู้ใดก็ตามเมื่อมีอำนาจแล้ว จะไม่ยอมสูญเสียอำนาจไปง่ายๆ ในกรณีของโลกปัจจุบัน อังกฤษ ยุโรปกับสหรัฐจะไม่ยอมสูญเสียอำนาจในการควบคุมระบบโลก แม้ว่าจะต้องเดิมพันด้วยสงครามโลกที่จะสร้างหายนะให้กับโลกท้ังใบก็ตาม
ย้อนกลับมาคำถามข้างต้นว่า แล้วปูตินจะงับเหยื่อติดเบ็ดของอังกฤษหรือไม่ด้วยการตอบโต้ยูเครน หรือนาโต้อย่างรุนแรงด้วยอาวุธมหาประลัย ซึ่งจะสร้างเหตุทำให้นาโต้เข้าสู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย และจะเป็นการดึงเอาสหรัฐเข้าสู่สงครามโดยตรงกับรัสเซียด้วย เนื่องด้วยพันธะของสนธิสัญญามาตรา 5ของนาโต้
แน่นอนว่า มีแรงกดดันมหาศาลภายในรัสเซียให้ปูตินออกคำสั่งตอบโต้ยูเครน และประเทศที่หนุนหลังยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษ หรือโปแลนด์ และถ้าปูตินไม่ทำจะทำให้เกิดความสูญเสียในความมั่นใจต่อเครมลิน ปูตินเป็นผู้นำ และเป็นนักยุทธศาสตร์ระดับโลก จะไม่ทำอะไรวู่วามตามอารมณ์ความรู้สึก ปูตินปล่อยให้ดมิตรี เมดเวอเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือระดับผู้นำรัสเซียนคนอื่นๆดาหน้าออกมาขู่ตะวันตกว่าจะใช้มาตรการที่รุนแรงเพื่อตอบโต้ให้สาสมกับความแค้นที่ถูกกระทำ แต่ปูตินน่าจะเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ในภาพกว้างต่อไปในการทำลายกองทัพยูเครนให้เบ็ดเสร็จ เพื่อว่าจะได้ไม่เป็นภัยต่อไป เพราะว่าหากยูเครนพ่ายแพ้ ก็เท่ากับว่านาโต้และยุโรปจะแพ้ไปด้วย เนื่องจากทุ่มเงินและทรัพยากรทางทหารเข้าช่วยยูเครนอย่างเต็มอัตราศึกตลอดระยะเวลาของสงครามที่ผ่านมา ปูตินน่าจะยอมกลืนเลือด ด้วยการเดินหน้าทำสงครามยูเครนต่อไป โดยไม่ติดกับดักให้สงครามขยายวงไปถึงนาโต้ เพราะว่าจะเข้าทางอังกฤษและสหรัฐที่ต้องการทำสงครามรีเซ็ตล้างโลก แม้ว่าปูตินจะมั่นใจว่าอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียไม่ได้ด้อยกว่าของชาติอื่นก็ตาม สงครามนิวเคลียร์จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
ที่ปูตินจะยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ในการทำลายกงอทัพยูเครนให้สิ้นซากได้โดยไม่วอกแวก เพราะว่ารัสเซียมีสายป่านที่ยาวกว่าทางเศรษฐกิจ รัสเซียมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีอาหารมากมายเพียงพอ ในขณะที่ยูเครนต้องพึ่งพาตะวันตกเกือบ100% รัสเซียกำลังมีความก้าวหน้าในสมรภูมิโดยรุกกินพื้นที่ไปเรื่อยๆจากตะวันออกของยูเครนเข้าตะวันตก และจะประชิดกับแม่น้ำดนิปเปอร์ที่แบ่งยูเครนออกเป็นตะวันตกและตะวันออก โดยที่อัตราความเสียหายน่าจะ1:20 หมายความว่าทหารรัสเซียตาย 1 ต่อทหารยูเครนตาย20
เวลาเข้าข้างปูตินมากกว่าตะวันตก ที่กำลังประสบกับปัญหาหนี้ อันเห็นได้จากอัตราผลตอบแทนของตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่นและสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น รัฐบาลตะวันตกอยู่ได้ด้วยการก่อหนี้ หรือการออกบอนด์เพื่อไฟแนนซ์การใช้จ่าย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่ตลาดหมดความไว้วางใจในรัฐบาลตะวันตกที่ทุกคนรู้ว่าไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ ยกเว้นออกบอนด์ใหม่ไปไถ่ถอนหนี้ของบอนด์เก่า เมื่อนั้นตะวันตกจะเกิดวิกฤติการเงินที่จะกระจายไปทั่วระบบเศรษฐกิจ และจะสูญเสียการควบคุมทุกอย่าง ตะวันตกรู้ดีว่าเวลายังมีเหลืออยู่อีกไม่มาก จึงแห่กันสร้างหนี้แบบทิ้งทวน ทรัมป์ประกาศเพิ่มงบกลาโหม$1ล้านล้าน และไม่ลดหนี้ในงบประมาณ ทำให้อีลอน มัสก์ถึงกลับออกมาโจมตีงบทรัมป์ที่ทรัมป์เรียกว่าBig and Beautiful แต่มัสก์บอกว่าให้ฆ่าthe Beautifulเพราะว่าจะสร้างวิกฤติให้ระบบการเงินสหรัฐ ส่วนยุโรปเตรียมแพกเกจ800,000 ล้านยูโรสำหรับงบกลาโหมโดยเฉพาะเพื่อเตรียมทำสงครามกับรัสเซีย
หากBRICS นำโดยจีนประกาศระบบชำระเงินใหม่ที่ออกจากระบบการควบคุมของดอลล่าร์ในเวทีประชุมซัมมิทที่บราซิลในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ และจีนเป็นผู้นำออกจากบอนด์สหรัฐอย่างจริงๆจังๆ ธนาคารกลางท่ัวโลก รวมท้ังนักลงทุนและกองทุนต่างๆจะหันเข้าหาทองคำหรือทรัพย์สินทางเลือกอื่นๆที่ปลอดภัย จะสร้างแรงกดดันให้ยุโรปและสหรัฐในการออกบอนด์เพื่อสร้างหนี้ใหม่และรีไฟแนนซ์หนี้เก่า หากตลาดบอนด์ของสหรัฐ หรือจี7ล่มสลาย อียูจะอยู่ไม่ได้ ค่าเงินยูโรจะอยู่ไม่ได้ ดอลล่าร์จะร่วงอย่างรุนแรง และนาโต้ก็จะอยู่ไม่ได้
ปูตินจะชนะสงครามโลกโดยไม่ต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ต้องรบแบบขยายวง เพียงแค่จำกัดสงครามในยูเครนเท่านั้น โดยมีจีนอยู่เบื้องหลังในการช่วยทำให้ยุทธศาสตร์ของปูตินบรรลุผลสำเร็จ แต่ก่อนที่ตลาดบอนด์ของตะวันตกจะล่มสลาย จะมีการออกลายด้วยการสร้างสถานการณ์ระดับโลกที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเข้าสู่สงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่คือความเสี่ยงของโลกที่จะเกิดขึ้นในสมัยทรัมป์
By Thanong Khanthong
5/6/2025