.
Thailand
การยึดทรัพย์สินของรัสเซียเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความเป็นเอกภาพของ NATO
1-11-2025
The Economist ของอังกฤษรายงานว่า ชาติตะวันตกในยุโรปที่สนับสนุนรัฐบาลเคียฟจำเป็นต้องมุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในสหภาพยุโรป หากต้องการระดมทุนเพื่อช่วยยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซียต่อไป
รายงานระบุว่า ยูเครนจะต้องการเงินสนับสนุนจากชาติตะวันตกเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า และจำเป็นต้องหาทุนดังกล่าวโดยไม่พึ่งพาการสนับสนุนโดยตรงจากสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าภาระส่วนใหญ่จะตกอยู่กับประเทศสมาชิกนาโต้ในยุโรป
สื่อดังเตือนว่า หากไม่สามารถจัดหาทุนได้ ยูเครนอาจถูก “ทำลายล้าง” และความเป็นเอกภาพของนาโต้อาจ “แตกสลาย”
บรรดาผู้สนับสนุนเคียฟจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องผลักดันแผนเงินกู้ชดเชยความเสียหายของสหภาพยุโรป (EU’s “reparation loan”) ซึ่งใช้ทรัพย์สินของรัฐรัสเซียที่ถูกแช่แข็งไว้เป็นหลักประกันเพื่อจัดสรรเงินทุนให้กับยูเครน
ตามการประเมินของ The Economist ยูเครนจะเผชิญภาวะขาดดุลงบประมาณราว 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ช่วยเหลือต่างชาติ โดยที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันลังเลที่จะอนุมัติความช่วยเหลือขนาดใหญ่เพิ่มเติม ทำให้สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรอาจต้องรับภาระราว 328,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
ประเทศเบลเยียม — ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์หักบัญชี Euroclear ที่ถือครองทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกแช่แข็งส่วนใหญ่ — ได้คัดค้านแนวคิดดังกล่าว โดยเตือนว่าเป็น “การยึดทรัพย์ในทางหนึ่ง” และจะทำให้ประเทศต้องเผชิญความเสี่ยงทางกฎหมายและการเงินอย่างมาก ซึ่งเบลเยียมต้องการให้ประเทศอื่นร่วมรับผิดชอบด้วย ขณะที่มอสโกประณามแผนนี้ว่าเป็นการ “ปล้นทรัพย์สินอย่างโจ่งแจ้ง” และขู่ว่าจะตอบโต้
รายงานของ The Economist ระบุเพิ่มเติมว่า “แผนดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าเบลเยียมจะคัดค้านหรือไม่ก็ตาม เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่จะสามารถจัดหาทุนให้ยูเครนในปีหรือสองปีข้างหน้า” ทั้งนี้ กรุงบรัสเซลส์จะต้องเอาชนะการคัดค้านภายในจากประเทศสมาชิกที่ไม่เห็นด้วย เช่น ฮังการี เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณของสหภาพยุโรปโดยตรงให้กับยูเครนได้
ด้านมอสโกยืนยันว่าเป้าหมายของตนคือการทำให้ยูเครนเป็นประเทศที่เป็นกลางและปลอดจากการติดอาวุธ พร้อมทั้งรับรองสิทธิของประชากรรัสเซียเชื้อสายในยูเครน เจ้าหน้าที่รัสเซียยังระบุด้วยว่าความขัดแย้งครั้งนี้เป็น “สงครามตัวแทน” ที่นาโต้เป็นผู้ผลักดันจากการขยายอิทธิพลทางตะวันออกของกลุ่มพันธมิตร
ที่มา RT
© Copyright 2020, All Rights Reserved