.
ตลาดเสรี: กลไกสร้างสันติภาพและความร่วมมือระดับโลก
13-11-2025
Mises Institute นำเสนอบทความเชิงวิเคราะห์ว่า เศรษฐศาสตร์แห่งสันติ: เมื่อกลไกตลาดเป็นจุดเปลี่ยนความขัดแย้งสู่ความร่วมมือ โลกยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความย้อนแย้ง ทั้งในด้านการเมืองที่พูดถึงสันติภาพแต่ยังคงสะสมอาวุธ ตลอดจนเศรษฐศาสตร์ที่เน้นการเติบโตแต่เพิกเฉยต่อกลไกพื้นฐานเบื้องหลัง ทว่าเนื้อแท้ของเศรษฐศาสตร์ แท้จริงไม่ใช่ตัวเลขหรือรายงานผลกำไรรายไตรมาส แต่คือวิธีที่มนุษย์เลือกจะร่วมมือกันอย่างสันติเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของตนเอง
หากทำความเข้าใจใหม่ เศรษฐศาสตร์จะเปลี่ยนจากศาสตร์เทคนิคเชิงช่างคิด สู่ศาสตร์ที่เน้นมนุษยภาพและการสร้างคุณค่าร่วมกันผ่านตลาด เหนือความมีประสิทธิภาพ กลไกตลาดยังสะท้อนความเป็นมนุษย์ในฐานะการอยู่ร่วมกันและร่วมสร้างคุณค่ามากกว่าทางเลือกอื่นใด
**จุดเริ่มต้นจากปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ชาติ**
หัวใจสำคัญที่มักถูกละเลยในวงการเมืองและระเบียบโลก คือข้อเท็จจริงว่าปัจเจกบุคคลคือหน่วยพื้นฐาน มิใช่ชาติหรืออุดมการณ์ มนุษย์สองคนที่แตกต่างกัน—ไม่ว่าชาวอเมริกันค้าขายกับช่างฝีมือชาวจีน หรือเพื่อนบ้านแบ่งปันผลผลิต—ต่างค้นพบว่าความร่วมมือสร้างประโยชน์สูงกว่าความขัดแย้ง
ทุกการค้าขายโดยสมัครใจคือการกระทำของสันติภาพ พ่อค้ากับลูกค้าไม่ใช่ศัตรู แต่คือคู่ค้าที่ต่างได้รับประโยชน์ นายจ้างกับลูกจ้างไม่ใช่ผู้ขัดแย้ง แต่รวมมือกันยกระดับชีวิตซึ่งกันและกัน
แนวคิดระบบศูนย์ผลรวม (zero-sum) เคยบดบังความจริงนี้ ทั้งแนวคิดเมอร์แคนทิลลิสม์ที่มองการค้าเป็นสงคราม หรือแนวคิดมาร์กซิสต์ที่เน้นการขัดแย้งระหว่างชนชั้น ทว่าไม่สามารถอธิบายการค้าด้วยความสมัครใจ หากไม่ยึดหลักว่ามนุษย์แสวงหาประโยชน์เพื่อตน
**กลไกหลัก: คุณค่าเชิงอัตวิสัยและผลประโยชน์ร่วม**
การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นเพราะมนุษย์แต่ละคนให้คุณค่าในสิ่งของแตกต่างกัน เกษตรกรที่มีข้าวสาลีเหลือมาก ย่อมให้ค่าน้อยกว่าพ่อค้าที่ขาดแคลน ฝ่ายพ่อค้าก็ให้ค่าวัตถุดิบน้อยกว่าผ้าที่ตนมี เมื่อต่างแลกเปลี่ยนจึงเกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีใครเสียเปรียบ
นี่คือหัวใจตามทฤษฎีของคาร์ล เมนเกอร์ (Carl Menger): การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นเพราะแต่ละฝ่ายประเมินคุณค่าต่างกัน หากให้คุณค่าเท่ากันจริงจะไม่มีการซื้อขายเลย
หลักอำนาจเหนือเชิงเปรียบเทียบ (comparative advantage) ก็ขยายแนวคิดนี้ไปถึงแต่ละประชาคมและชาติ แม้ฝ่ายหนึ่งจะเก่งกว่าทุกด้าน แต่การค้าก็ยังสร้างผลประโยชน์ร่วมกันได้ ประเทศร่ำรวยได้สินค้าในราคาถูก ประเทศที่ยากจนกว่าได้ทั้งเงินทุน ความรู้และการจ้างงาน
**โครงสร้างรองรับ: สถาบันส่งเสริมการแลกเปลี่ยน**
กลไกตลาดไม่เกิดขึ้นเอง หากไร้สถาบันสำคัญ เช่น กรรมสิทธิ์เอกชน กฎหมาย และการบังคับใช้สัญญาที่น่าเชื่อถือ ต้องมีหลักประกันว่าทรัพย์สินจะได้รับความคุ้มครอง สัญญาซื้อขายจะถูกบังคับใช้ ไม่เช่นนั้น การค้าจะจำกัดอยู่แค่ชุมชนเล็ก ๆ เท่านั้น
หากไร้สถาบันเหล่านี้ การค้าจะหดตัว เหลือเพียงความสัมพันธ์ย่อยในกลุ่มที่ไว้ใจกัน สร้างกับดักของความยากจนและความล้าหลัง
ตรงข้าม หากสถาบันได้รับการเสริมสร้าง การค้าก็จะขยายตัว เครือข่ายสันติภาพจะกว้างไกล ยกตัวอย่าง เกษตรกรในสกอตแลนด์ส่งขนสัตว์ไปยังโรงทอในบังคลาเทศ สินค้าส่งต่อไปผู้ส่งออกในเปรู ก่อนถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ แม้ทุกฝ่ายไม่รู้จักกัน แต่สถาบันทางเศรษฐกิจค้ำจุนการร่วมมืออย่างสันติ
**ผลลัพธ์: เครือข่ายพึ่งพาอาศัยเพื่อสันติภาพ**
ความน่าอัศจรรย์ของกลไกตลาด คือความสัมพันธ์ที่ผูกโยงกันในทางเศรษฐกิจ ผู้บริโภคชาวอเมริกันพึ่งพาความเชี่ยวชาญของวิศวกรเยอรมัน ขณะที่บริษัทยังต้องพึ่งกำลังซื้อจากชาวอเมริกัน ห่วงโซ่ผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงนี้ทำให้สงครามระหว่างกันไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
ข้อเท็จจริงยืนยันว่า ประเทศที่ค้าเชื่อมโยงกันแน่นแฟ้นมักไม่ทำสงคราม เพราะหากเป็นศัตรูกัน ความมั่งคั่งและโอกาสทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายจะสูญสิ้น
**เงื่อนไขสำคัญ: ความรู้เท่าทันเศรษฐกิจ**
ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเข้าใจของสังคมต่อการทำงานของตลาด หากผู้คนยังเชื่อว่าการค้าเป็นการเอาเปรียบ หรือกลไกตลาดคือเครื่องมือของการกดขี่ สังคมจะไม่ปกป้องสถาบันที่รองรับสันติภาพและความมั่งคั่ง และผลักดันนโยบายต่อต้านที่นำไปสู่ความยากจนและความขัดแย้ง
การเสริมสร้างความรู้เศรษฐกิจต่อประชาชนจึงจำเป็น มิใช่แค่ในเชิงวิชาการ หากแต่เป็นการปกป้องรากฐานของสันติภาพและความมั่งคั่งในโลกยุคใหม่
**บทสรุป: การปฏิวัติแสนธรรมดาของตลาด**
การปฏิวัติครั้งใหญ่ของเศรษฐกิจตลาด มิใช่การสร้างคนรวยไม่กี่คน หากแต่คือการแปรเปลี่ยนธุรกรรมธรรมดานับล้านต่อวันที่เกิดขึ้นโดยสมัครใจ ให้กลายเป็นการสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองระหว่างกัน เศรษฐศาสตร์ที่แท้ไม่ใช่การปกป้องความละโมบ แต่คือการต่อสู้เพื่อคงอยู่ของเครื่องยนต์แห่งความร่วมมือและสันติภาพที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
-----
IMCT NEWS
ที่มา https://mises.org/mises-wire/architecture-peace-how-markets-transform-conflict-cooperation