พันธมิตรปูติน 'ลูกาเชนโค เบลารุส' เร่งยุทธศาสตร์
พันธมิตรปูติน 'ลูกาเชนโค เบลารุส' เร่งยุทธศาสตร์ยับยั้ง NATO ยืนยันรับหัวรบนิวเคลียร์รุ่นใหม่–ตั้งฐานมิสไซล์ Oreshnik ธ.ค.นี้
10-12-2025
Newsweek รายงานว่า ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก (Alexander Lukashenko) ผู้นำเบลารุส ซึ่งถูกมองว่าเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) แห่งรัสเซีย ประกาศอัปเดตแผนการประจำการอาวุธนิวเคลียร์บนแผ่นดินเบลารุส โดยยืนยันว่ากำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับมอสโกเพื่อกระจายอาวุธเหล่านี้ “ทั่วประเทศ” ภายใต้กรอบความร่วมมือของรัฐสหภาพรัสเซีย–เบลารุส (Union State)
ลูกาเชนโกเปิดเผยกับสำนักข่าวทางการ BelTA ว่า “ประเด็นการนำอาวุธนิวเคลียร์กลับมาติดตั้งในประเทศของเรา ถูกหยิบยกขึ้นมาแล้ว” และย้ำว่าได้หารือกับฝ่ายรัสเซียถึงการเตรียม “ระบบยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย” ให้อยู่ในสถานะพร้อมรบ โดยระบุว่า “เรามีความเข้าใจตรงกันและได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัสเซีย เราจะทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องประเทศของเรา”
เขาให้เหตุผลว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการตอบสนองต่อ “การระดมพลและการติดอาวุธ” ฝั่งชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยกล่าวว่า “ประเทศเหล่านั้นไม่ได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาล เพื่อตามที่พวกเขาว่าไว้คือ ‘รับมือรัสเซียและเบลารุส’ โดยไร้เหตุผล เราไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีใคร เรามีทุกอย่างเพียงพอ แต่เราต้องปรับปรุงมาตรการป้องกันของเรา เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นว่าเราพร้อมปกป้องทุกตารางนิ้วของผืนดินเรา”
ข้อมูลพื้นฐานระบุว่า รัสเซียประกาศแผนติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีในเบลารุสครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2023 ตามคำร้องขอของมินสก์ และภายในเดือนเมษายน 2024 ลูกาเชนโกยืนยันว่ามีหัวรบนิวเคลียร์ “หลายสิบลูก” ถูกส่งถึงแล้ว อาวุธเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในกรอบรัฐสหภาพรัสเซีย–เบลารุสซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม 2025 และกำหนดว่า การใช้หัวรบนิวเคลียร์จะเกิดขึ้นได้เฉพาะในฐานะ “มาตรการขั้นสุดท้าย” เท่านั้น
ลูกาเชนโกยังยืนยันว่า ระบบมิสไซล์พิสัยกลาง Oreshnik ของรัสเซีย จะเข้าประจำการเชิงยุทธการในเบลารุสตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ และจะถูกติดตั้งกระจาย “ทั่วประเทศ” ระบบดังกล่าวซึ่งถูกเปิดเผยต่อสาธารณะครั้งแรกระหว่างการโจมตีเมืองดนิโปร (Dnipro) ของยูเครนในปี 2024 สามารถติดตั้งหัวรบได้ทั้งแบบธรรมดาและนิวเคลียร์
เขายังระบุด้วยว่า “เพื่อให้ทุกคนทราบ เราได้แลกเปลี่ยนอาวุธนิวเคลียร์ของเรากับรัสเซียอีกครั้ง เราส่งของเก่าคืนไป และนำอาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดกลับมา พวกมันถูกปรับสภาพและบำรุงรักษาอย่างดี การดูแลอาวุธเหล่านี้มีต้นทุนสูง และรัสเซียช่วยเราในส่วนนี้ ดังนั้นเราจึงส่งเก่าคืนไป” พร้อมเผยว่า เบลารุสใช้ระบบเหล่านี้ในการฝึกทั้งจากอากาศยานและระบบอาวุธปล่อย และ “ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้”
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัสเซียและเบลารุสร่วมซ้อมรบภายใต้รหัส “Zapad 2025” ซึ่งมีการจำลองปฏิบัติการนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (nonstrategic nuclear operations) การข่าวของลิทัวเนียที่อ้างโดยสำนักข่าว ELTA ระบุว่าฝึกครั้งนี้มีทหารราว 30,000 นาย เข้าร่วม น้อยกว่าตัวเลข 100,000 นายที่มอสโกอ้าง โดยประมาณ 2,000 นายเป็นทหารรัสเซีย ที่เหลือเป็นทหารจากเบลารุสและประเทศที่ร่วมซ้อมรบ ขณะที่นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัลด์ ทุสก์ (Donald Tusk) ประเมินว่าการฝึกดังกล่าว “มีลักษณะก้าวร้าวอย่างยิ่ง” และโปแลนด์ตอบสนองด้วยการจัดซ้อมรบ “Iron Defender” ซึ่งมีทหารราว 30,000 นายจากหลายชาติ NATO เข้าร่วมเช่นกัน
ลูกาเชนโกใช้วาทกรรมย้อนไปถึงสงครามโลกครั้งที่สองเพื่ออธิบายการตัดสินใจยกระดับนิวเคลียร์ โดยกล่าวกับ BelTA ว่า “ผมจะทำอะไรได้อีก? จะให้นั่งรอให้พวกเขามาที่นี่ ข่มขืนผู้หญิงเรา ฆ่าเด็กเรา เหมือนปี 1941 หรือ? ผมไม่ต้องการเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้น
ด้านโปแลนด์ ราดอสวาฟ ชิกรสกี (Radosław Sikorski) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า การซ้อมรบของรัสเซีย–เบลารุสเป็นความพยายามของเครมลิน “ทดสอบความพร้อมของพันธมิตร NATO” โดยระบุว่าฝั่งโปแลนด์ได้ขอเปิดการหารือภายใต้มาตรา 4 ของสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการ “Eastern Sentry” ของ NATO
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงประเมินว่า การที่ระบบ Oreshnik กำลังจะเข้าประจำการเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม และมีหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีติดตั้งอยู่แล้วบนดินเบลารุส อาจยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ชาติตะวันตกพิจารณามาตรการด้านความมั่นคงเพิ่มเติม ทั้งการเพิ่มการข่าวกรอง–ลาดตระเวน และการเรียกประชุมหารือฉุกเฉินตามมาตรา 4 ของสนธิสัญญา NATO เพื่อประเมินความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์รอบใหม่ในยุโรปตะวันออก
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/russia-nuclear-weapons-deployment-missiles-vladimir-putin-nato-11181578