พันธมิตร NATO 'เยอรมนี' ส่งสัญญาณเตือนจีน
พันธมิตร NATO 'เยอรมนี' ส่งสัญญาณเตือนจีน 'ปมไต้หวัน' ย้ำความมั่นคงเอเชียผูกโยงยุโรป สถานะเดิมต้องไม่เปลี่ยนด้วยความรุนแรง
11-12-2025
Newsweek รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร แสดงความกังวลต่อความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน พร้อมเตือนอย่างเป็นนัยต่อจีนไม่ให้ยกระดับสถานการณ์ โดยย้ำว่าความมั่นคงของเอเชียและยุโรป “เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด”
แถลงการณ์ระบุว่า เสรีภาพในการเคลื่อนย้ายสินค้าในช่องแคบไต้หวันมีความสำคัญต่อความมั่งคั่งของยุโรปและเศรษฐกิจโลกโดยรวม และเตือนว่าการยกระดับความตึงเครียดในพื้นที่ดังกล่าว “ย่อมส่งผลต่อเราเช่นกัน” พร้อมเน้นว่า การเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม (status quo) ในช่องแคบไต้หวันต้องเป็นไปโดยสันติ และอยู่บนพื้นฐานของความยินยอมร่วมกันของคู่ขัดแย้ง
ถ้อยแถลงดังกล่าวออกในวันทำงานที่สองของการเยือนจีนเป็นเวลา 2 วันของรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี โยฮันน์ วาเดอฟุล (Johann Wadephul)
ทำไมกรณีนี้สำคัญต่อเยอรมนีและ NATO
เยอรมนีกำลังพยายามรักษาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับจีน ซึ่งในปีนี้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี แซงหน้าสหรัฐฯ กับพันธมิตรดั้งเดิมอย่างวอชิงตันและกรอบ NATO ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ก็ถูกทดสอบจากคำวิจารณ์และข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เรื่องการค้าและงบกลาโหม
การเยือนจีนของวาเดอฟุลเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญที่สุดของโลก โดยจีนเดินหน้ากดดันไต้หวันทั้งทางการเมืองและการทหาร โดยอ้างว่าเกาะไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนและพร้อมใช้กำลังหากจำเป็นเพื่อบรรลุ “การรวมชาติ”
มิติญี่ปุ่น–จีน–ไต้หวัน และแรงกดดันต่อเบอร์ลิน
ความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเพิ่มน้ำหนักให้กับความอ่อนไหวของประเด็นไต้หวัน หลังนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) ของญี่ปุ่นแสดงความเห็นว่า หากจีนปิดล้อมไต้หวัน จะเข้าข่ายเป็น “สถานการณ์คุกคามการอยู่รอด” ของญี่ปุ่น และอาจเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นร่วมปฏิบัติการทางทหารเคียงข้างสหรัฐฯ ได้ตามกรอบกฎหมายความมั่นคงของตน
การประเมินจากโตเกียวเช่นนี้ยิ่งเน้นให้เห็นว่าช่องแคบไต้หวันไม่ใช่เพียงประเด็นระหว่างจีน–ไต้หวัน แต่เกี่ยวพันกับเครือข่ายพันธมิตรอเมริกาและความมั่นคงของประเทศอุตสาหกรรมหลักในเอเชียตะวันออก ซึ่งย่อมมีผลต่อยุโรปทั้งทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์
เนื้อหาการหารือปักกิ่ง–เบอร์ลิน
ระหว่างการพบหารือกับรองประธานาธิบดีจีน หาน เจิ้ง (Han Zheng) ทางการจีนเปิดเผยผ่านแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศว่า วาเดอฟุลได้ยืนยันอีกครั้งถึงการยึดมั่นในนโยบาย “จีนเดียว” (one-China policy) ของเยอรมนี
ฝั่งจีนใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้เยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกที่ทรงอิทธิพลของสหภาพยุโรป ช่วยส่งเสริม “พัฒนาการที่ดี” ของความสัมพันธ์จีน–สหภาพยุโรป ทั้งในมิติการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางการเมือง
ระหว่างการหารือกับนายหวัง อี้ (Wang Yi) รัฐมนตรีต่างประเทศจีน แถลงการณ์อีกฉบับจากปักกิ่งระบุว่า จีนเห็นว่าคำพูดล่าสุดของนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิของญี่ปุ่นในประเด็นไต้หวันได้ “สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง” และได้เรียกร้องให้เยอรมนีคัดค้าน “คำพูดหรือการกระทำใด ๆ ที่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน”
บริบท ‘จีนเดียว’ และสถานะของไต้หวัน
จีนกำหนดให้การยอมรับนโยบาย “จีนเดียว” เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่าง ๆ หมายถึงการยอมรับว่ารัฐบาลปักกิ่งเป็นตัวแทนที่ชอบธรรมเพียงหนึ่งเดียวของจีนในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ใช่รัฐบาลที่ไทเป
รัฐบาลไต้หวัน ซึ่งใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐจีน (Republic of China)” ย้ายฐานมาจากจีนแผ่นดินใหญ่หลังพ่ายแพ้ต่อกองกำลังคอมมิวนิสต์ในปี 1949 ปัจจุบันไต้หวันมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของตนเอง มีกองทัพและความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจำนวนหนึ่ง และปฏิบัติการในทางปฏิบัติเสมือนรัฐเอกราช แม้จะไม่ได้รับการรับรองอย่างกว้างขวางในระบบสหประชาชาติ
ก่อนออกเดินทางเยือนจีน วาเดอฟุลกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เยอรมนีต้องการ “การหารือเชิงลึก” กับจีนเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงโจทย์ใหญ่ระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมย้ำว่า เบอร์ลิน “ต้องการความร่วมมือกับจีน แต่ก็คาดหวังความเข้าใจในข้อกังวลและผลประโยชน์หลักของยุโรป” ไปพร้อมกัน
โจเซฟ อู๋ (Joseph Wu) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน แสดงความขอบคุณเยอรมนีผ่านแพลตฟอร์ม X โดยระบุว่าไทเป “ชื่นชม” ที่เยอรมนีเน้นย้ำความสำคัญของความมั่นคงไต้หวันต่อความรุ่งเรืองของยุโรป และย้ำว่าไต้หวันจะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีค่านิยมใกล้เคียงกันในการรักษาสถานะเดิมในช่องแคบไต้หวัน ต่อต้านความพยายามฝ่ายเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังหรือการบีบบังคับ
ด้านสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์วิจารณ์การกระทำของจีนว่า “ไม่เอื้อต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค” พร้อมย้ำว่าพันธมิตรสหรัฐฯ–ญี่ปุ่น “แข็งแกร่งและเป็นเอกภาพมากกว่าที่เคย” และสหรัฐฯ ยังคงมีพันธกรณีไม่สั่นคลอนต่อการป้องกันญี่ปุ่น
สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป
การเยือนจีนของวาเดอฟุลมีวาระเศรษฐกิจสำคัญควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคง ได้แก่ การเจรจาเพื่อเปิดทางให้ธุรกิจเยอรมันขยายการลงทุนในตลาดจีน และการเร่งรัดกระบวนการนำเข้าวัตถุดิบสำคัญ เช่น แร่หายาก ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของเยอรมนี
ก่อนหน้านี้ในต้นปีนี้ นายมาร์ค รูทเทอ (Mark Rutte) เลขาธิการ นาโต (NATO) และ นายชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น (Japan) ในขณะนั้น ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการ "รักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันในฐานะองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในประชาคมระหว่างประเทศ"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/germany-issues-warning-china-us-nato-ally-11185141