ปูตินถือไพ่เหนือกว่าทรัมป์ในการเจรจาความขัดแย้ง

วิเคราะห์: ปูตินถือไพ่เหนือกว่าทรัมป์ในการเจรจาความขัดแย้งยูเครน
ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียได้เจรจาหารือทางออกของสงครามยูเครนกับประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐในวันที่ 16สิงหาคมทีผ่านมาที่อลาสก้า ปรากฎว่าไม่ได้มีการตกลงอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่อย่างน้อยการที่ทรัมป์ยอมที่จะพบกับปูติน -- ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำยุโรปและอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนหลีกเลี่ยงมาตลอด -- สะท้อนให้เห็นการยอมอ่อนข้อของทรัมป์ให้กับปูติน หรืออำนาจการต่อรองของรัสเซียที่เหนือกว่าในสมรภูมิของสงครามยูเครน
ทรัมป์อยู่ในฐานะที่ลำบาก เพราะว่าเขาต้องการยุติสงครามยูเครนในขณะที่ยูเครนนับวันมีแต่จะอ่อนกำลังลงในการทำสงครามกับรัสเซียที่มีความแข็งแกร่งกว่ามาก ถ้าหากสงครามที่ดำเนินมากว่าสามปีแล้วยืดเยื้อต่อไป ยูเครนจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ต่อรัสเซียอย่างย่อยยับในที่สุด ถึงตอนนั้น ทรัมป์จะกลายเป็นผู้แพ้ทันที เพราะว่าสงครามยูเครนเป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐกับรัสเซียที่สหรัฐทุ่มสุดตัวในการให้การสนับสนุนเงินทองและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนมากกว่า$200,000ล้าน แม้ว่าสงครามจะเริ่มในสมัยในไบเดนก็ตาม
ปูตินรู้จุดอ่อนจุดแข็งของทรัมป์เป็นอย่างดีว่าทรัมป์จะไม่ยอมเป็นผู้แพ้ และต้องพยายามหาทางลงเพื่อรักษาหน้า ปูตินเดินทางมาอลาสก้าเพื่อเจรจากับทรัมป์ด้วยสถานะที่ได้เปรียบ ความจริงปูตินมีจุดยืนที่แน่วแน่มากตลอดในความขัดแข้งยูเครนเลย โดยเรียกร้องมาตลอดคือ 1. กองทัพยูเครนต้องไม่เป็นภัยต่อรัสเซียต่อไป 2. ยูเครนต้องไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับนาโต้ 3. ต้องยกเลิกลัทธินาซีในยูเครน 4. ต้องมีการรับรองดินแดนยูเครนที่รัสเซียยึดมาได้แล้ว ได้แค่ลูฮานสก์ โดเน็ตส์ ซาโปริเชีย เคอร์ซอน และไครเมีย 5. รัสเซียกับสหรัฐ รัสเซียกับยูโรปต้องมีสนธิสัญญาความมั่นคงระหว่างกันเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์
ทรัมป์รู้ความต้องการของปูตินเป็นอย่างดี แต่ปัญหาคือทรัมป์ไม่ได้มีอำนาจ100% เพราะว่าต้องฟังเสียงจากพวกนีโอคอนที่ต้องการให้สงครามยูเครนดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำยุโรป และโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ ผู้นำของยูเครนต้องการ เพราะว่าทุกคนขึ้นขี่หลังเสือแล้ว หากจะลงจากหลังเสือก็จะถูกเสือกัด
ถ้าจะว่าไปแล้ว สงครามยูเครนมีเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่กว่าของจักรวรรดิที่ต้องการรักษาระบบอาณานิคมในระเบียบโลกปัจจุบันต่อไป เมื่อพูดถึงจักรวรรดิ เราหมายถึงซิตี้ ออฟ ลอนดอน ที่ยังมีอิทธิพลอย่างมากในการเมือง การเงิน&เศรษฐกิจ และการทหารของโลก หากไม่สามารถโค่นล้มรัสเซีย และเป้าต่อไปคือจีนได้ จักรวรรดิที่กำลังอยุ่ในช่วงขาลงจะล่มสลาย เพราะว่ารัสเซีย จีนและกลุ่มBRICSจะผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำในการคุมหรือวางกฎเกณฑ์ของระบบโลกในวาระโลกใหม่ที่ประเทศต่างๆจะอยู่ร่วมกันโดยสันติ และจะมีการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศที่แท้จริง
มีรายงานจากสื่อAxiosว่า ทรัมป์และทูตพิเศษ สตีฟ วิตคอฟ ได้แจ้งข้อมูลแก่เซเลนสกี และผู้นำจาก สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ฟินแลนด์ NATO และ คณะกรรมาธิการยุโรป เกี่ยวกับจุดยืนของปูติน ระหว่างเที่ยวบินกลับกรุงวอชิงตันเมื่อคืนวันที่ 15สิงหาคม โดยพวกเขาระบุว่า ปูตินเรียกร้องให้ยูเครนยกดินแดน 2 ใน 4 แคว้นที่รัสเซียอ้างสิทธิ์ (คือ ดอแนตสก์ และ ลูฮานสก์) และให้ “แช่แข็ง” แนวรบในอีกสองแคว้น (เคอร์ซอน และ ซาโปริซเซีย) รัสเซียควบคุมลูฮานสก์ได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ควบคุมได้เพียง ประมาณ 3 ใน 4 ของโดเน็ตสก์
ปูตินนำเสนอการไม่รุกคืบเพิ่มเติมในเคอร์ซอนและซาโปริซเซียว่าเป็นการ “ยอมอ่อนข้อ” เพื่อแลกกับการที่ยูเครนถอนตัวจากดอแนตสก์ แม้ว่าในความเป็นจริง รัสเซียไม่ได้มีความคืบหน้าในพื้นที่เหล่านั้นมานานแล้ว นอกจากนี้ ปูตินอาจยอมเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ขนาดเล็กในแคว้นซูมีและคาร์คิฟ ที่รัสเซียยึดครองอยู่บางส่วน
ในสงครามยูเครน จะมองเรื่องการยึดครองพื้นที่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่ารัสเซียไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ยึดครองพื้นที่ของยูเครน แต่จะให้ความสำคัญในการทำสงครามที่ยืดเยื้อเพื่อทำลายกองทัพของยูเครน และเพื่อบั่นทองความมั่นคงทางเศรษฐกิจของยุโรป รวมท้ังสหรัฐด้วยมากกว่า เพราะว่าเมื่อกองทัพยูเครนถูกทำลาย รัสเซียจะไม่มีภัยต่อไป และจะยึดดินแดนยูเครนเพิ่มอีกเท่าใดก็ได้ ส่วนยุโรปและสหรัฐ ซึ่งต่างมีปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่รุนแรงทั้งคู่จะไม่สามารถสนับสนุนยูเครนให้สามารถทำสงครามต่อไปได้อีกนาน เพราะว่าสงครามมีต้นทุนสูงมาก ถึงจุดหนึ่งประชาชนชาวยุโรปและอเมริกันที่มีปัญหาเรื่องปากท้องจะออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อกดดันให้รัฐบาลของตัวเองเลิกให้การสนับสนุนสงครามยูเครน ซึ่งไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรเลยให้กับคนยุโรปและคนอเมริกัน ยกเว้นพวกนีโอคอนที่ได้หาประโยชน์จากการค้าสงคราม และจักรวรรดิเก่าที่ต้องการรักษาอำนาจในระบบการเงินโลกต่อไป
พอที่จะเห็นสัญญานลางๆว่า ทรัมป์ไม่ต้องการรับใช้ผลประโยชน์ของจักรวรรดิเก่า และพวกนีโอคอน ซึ่งมีเป้าหมายที่ขัดกับนโยบายMake America Great Againของทรัมป์ แต่เนื่องจากอำนาจของกลุ่มคนเหล่านี้ฝังรากลึกมานาน ทำให้ทรัมป์ไม่มีความคล่องตัวในการดำเนินนโยบาย เพราะว่าต้องคอยหาทางประนีประนอม จักรวรรดิเก่า และพวกนีโอคอนไม่สนใจว่าอเมริกาจะพังหรือไม่พัง ขอให้ตัวเองได้ประโยชน์และจะใช้อเมริกาเพื่อเป้าหมายของตัวเองจนเต็มที่
มีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์กำลังถูกแบล็คเมล์ในเรื่องฉาวโฉ่ในอดีตในไฟล์Epsteinที่ทรัมป์กำลังแช่แข็งไม่ให้มีการเปิดเผยความจริง มีบุคคลระดับสูง หรือวีไอพีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเข้าชายแอนดรู บิล เกตส์ บิล คลินตันที่ตกเป็นเหยื่อของJeffrey Epstein ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นสายลับของมอสสาด ซึ่งจัดเซ็กซ์ทัวร์ไปหมู่เกาะเวอร์จินในทะเลคาริบเบียนแล้วแอบถ่ายคลิบลับเพื่อแบล็คเมล์ ต่อมาEpsteinเสียชีวิตอย่างมีข้อกังขาในคุกที่นิวยอร์คเพื่อปิดปาก
ทรัมป์ต้องการเชฟอเมริกา และหากทรัมป์จะเชฟอเมริกาได้ เขาต้องดำเนินนโยบายที่ออกจากอิทธิพลของจักรวรรดิเก่า และพวกนีโอคอน โดยต้องยอมรับระบบพหุนิยมที่กำลังเข้ามาแทนระบบโลกขั้วเดียว หรือต้องยอมรับการอยู่ร่วมกับรัสเซีย จีนและกลุ่มBRICSในสถานะที่เท่าเทียมกัน
ยุคที่สหรัฐชี้ต้นไม้เป็นนก ชี้นกเป็นต้นไม้จบสิ้นไปแล้ว
แต่จักรวรรดิเก่า และพวกนีโอคอนจะไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ ทำให้โลกมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับรัสเซียและจีน โดยขุมอำนาจเก่านี้สามารถสร้างสถานการณ์False flag operation เพื่อนำไปสู่WW3ได้ทุกเมื่อ
ทรัมป์ขู่ว่าจะยกเลิกให้ความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครนต่อไป หากเป็นเช่นนั้นสงครามยูเครนจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ เพราะว่าช่วยต่อไปไม่ไหว และไม่ต้องการรับผิดชอบในฐานะผู้แพ้ในสงคราม แต่กำลังถูกจักรวรรดิเก่า และพวกนีดอคอนดึงเกมออกไปให้นานที่สุด ฉากที่ปรากฎข้างหน้าตอนนี้ก็คือว่า เซเลนสกี้และผู้นำยุโรปจะนำเอาแผนสันติภาพของปูตินไปพิจารณาหรือประนีประนอมมากน้อยเพียงใดในขณะที่กองทัพยูเครนกำลังอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ หากต้องยอมตามสิ่งที่ปูตินต้องการเท่ากับว่ายุโรป และนาโต้จะเสียเครดิตไปเกือบหมด ส่วนสหรัฐเสียหน้าบ้าง แต่ดีกว่าจะรอไปจนถึงวันที่ปูตินยึดยูเครนได้ทั้งประเทศ
รอดูว่าเซเลนสกี้กับยูโรปจะเอายังไงกับผลของการเจรจาระหว่างทรัมป์กับปูติน ซึ่งน่าที่จะมีการเจรจาในรอบสองต่อไป โดยสถานที่อาจจะเป็นยูเออี
By Thanong Khanthong
18/8/2025