.
นายกฯอนุทิน โทรหารือทรัมป์ ย้ำไทยปกป้องอธิปไตย แจงกัมพูชาละเมิด Joint Declaration สหรัฐฯยัน ไม่ผูกข้อพิพาทชายแดนกับภาษีศุลกากร
13-12-2025
(เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568) เวลา 21.20 น. ณ ห้องโดมทอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟังการสนทนาด้วย
จากนั้น เวลา 22.00 น. ณ โถงบันได ตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับผลการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ โดยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในการหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย เข้าร่วมด้วย
โดยบรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์มีความเป็นห่วงในสถานการณ์และอยากจะให้ทุกอย่างกลับไปที่ปฏิญญา (Joint Declaration) ที่ได้ลงนามกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่าไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อยู่ในปฏิญญามาตลอด ไม่เคยออกนอกเงื่อนไข แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิด โดยทำให้ฝ่ายไทยสูญเสียอวัยวะชีวิต ทรัพย์สิน ทำให้ไทยจำเป็นจะต้องตอบโต้เพื่อป้องกันอธิปไตย ดินแดน ทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนชาวไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อธิบายย้ำกับประธานาธิบดีทรัมป์ในเหตุผลดังกล่าว เพื่อให้เข้าใจชัดเจนว่าไทยมิได้เป็นฝ่ายรุกราน แต่สิ่งที่ไทยทำคือการตอบโต้เท่านั้น
นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าใจและกล่าวว่า หากมีเรื่องเช่นนี้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยสายตรงหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ตลอดเวลา รวมถึงนายกรัฐมนตรีเองก็สามารถต่อสายโทรหาประธานาธิบดีทรัมป์ได้โดยตรงเช่นกัน ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยได้มีการพูดคุยกับฝ่ายสหรัฐฯ ในหลายระดับเป็นประจำอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวยอมรับว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้มีการหยุดยิง ซึ่งได้เรียนว่า ขอให้ไปบอกฝ่ายกัมพูชาดีกว่า โดยกัมพูชาต้องออกมาบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง แล้วจะถอนกำลังออกไป รวมถึงเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางเอาไว้ออกไปให้หมด ซึ่งทุ่นระเบิดใหม่ที่กัมพูชาวางไว้เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยได้รับการยืนยันจาก AOT เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งวาง มีความชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดปฏิญญา ดังนั้น ฝ่ายที่ละเมิดต้องเป็นฝ่ายที่แก้ไข ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกกระทำต้องเป็นฝ่ายแก้ไข
สำหรับประเด็นเรื่องอัตราภาษีศุลกากร ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัญญาว่าจะให้ประเทศไทยได้รับอัตราภาษีที่ดีกว่าประเทศอื่น โดยรอบก่อน ประธานาธิบดีทรัมป์มีภารกิจมาก อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายถามถึงประเด็นนี้ขึ้นมา และไม่ได้มีท่าทีกดดัน หรือจะนำมาผูกกับประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี โดยไทยจะทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถึงเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ ประเด็นที่ได้พูดคุยในครั้งนี้ก็จะหยิบยกขึ้นมาด้วย
“ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ แต่รัฐบาลก็ต้องไม่ยอมให้ใครมาละเมิดเรื่องอธิปไตย ดินแดน และความปลอดภัยของประชาชน หากยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะไม่ยอมให้ประชาชนถูกกลั่นแกล้ง ละเมิด หรือถูกลอบยิงจากฝ่ายตรงข้ามโดยเด็ดขาด” นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันแก่สื่อมวลชน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.thaigov.go.th/th/news/159990
-------------------------------
'ทรัมป์ประกาศ' ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลง "ยุติการยิงทั้งหมด" และเดินหน้าการค้าต่อกับสหรัฐฯ
13-12-2025
SCMP รายงานว่า – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของ สหรัฐฯ (US) ประกาศว่า ประเทศไทย (Thailand) และ ประเทศกัมพูชา (Cambodia) ได้ตกลงที่จะ "ยุติการยิงทั้งหมด" โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากที่เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำของทั้งสองประเทศ
“ทั้งสองประเทศพร้อมสำหรับ สันติภาพ และการค้าอย่างต่อเนื่องกับ สหรัฐอเมริกา” ทรัมป์ เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นขณะที่เขาพยายามกอบกู้ข้อตกลงสงบศึกที่เขาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยไว้ก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์เดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่าเขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ ทรัมป์ แม้ว่าในขณะนั้นเขายังไม่สามารถยืนยันการหยุดยิงได้ นายอนุทิน เปิดเผยว่า เขาได้แจ้งแก่ ทรัมป์ ว่าไทย ไม่ใช่ผู้รุกรานในความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และประธานาธิบดี สหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่าเขาจะใช้มาตรการภาษีทางการค้า (trade tariffs) เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยุติการสู้รบ
คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีไทย มีขึ้นในขณะที่การปะทะกันอย่างหนักตามแนวชายแดนระหว่างทั้งสองประเทศยังคงดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 5
การปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่าง ไทย และ กัมพูชา ได้มีการแลกเปลี่ยนจรวดและปืนใหญ่ในหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีข้อพิพาทความยาว 817 กิโลเมตร (508 ไมล์) ซึ่งถือเป็นการปะทะที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่การต่อสู้เป็นเวลาห้าวันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่ ทรัมป์ ได้เข้ามาหยุดยั้งด้วยการโทรศัพท์หาผู้นำทั้งสองประเทศเพื่อยุติความขัดแย้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ล่าสุด
การปะทะกันในสัปดาห์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 260 ราย ตามการนับจำนวนของทั้งสองประเทศ ซึ่งต่างฝ่ายต่างโทษว่าเป็นต้นเหตุของการจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้ไทย ยังระบุว่าโดรนทางทหารของตนได้โจมตีบังเกอร์และบ่อนกาสิโนตามแนวชายแดน กัมพูชา
ทรัมป์ แสดงความกระตือรือร้นที่จะเข้าแทรกแซงอีกครั้งเพื่อกอบกู้ข้อตกลงสงบศึกที่เขาเป็นคนกลาง โดยเขาได้พบกับ นายอนุทิน และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา ที่ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งมีการลงนามในข้อตกลงหยุดยิงที่ขยายขอบเขตออกไป
ทรัมป์ซึ่งกล่าวย้ำหลายครั้งว่าเขาสมควรได้รับรางวัล โนเบล สาขาสันติภาพ (Nobel Peace Prize) ได้ยกย่องตนเองเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเป็นผู้สร้างสันติภาพระดับโลก (global peacemaker) และได้แสดงความมั่นใจว่าจะนำข้อตกลงสงบศึก "กลับมาสู่เส้นทางเดิม" ได้สำเร็จ ทั้งนี้ นาย ฮุน มาเนต ได้เสนอชื่อ ทรัมป์ เข้ารับรางวัลดังกล่าวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/asia/southeast-asia/article/3336294/thailands-pm-says-no-ceasefire-cambodia-yet-after-trump-call?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article