.
ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ในไทย โกยรายได้ ทะลุ 5 ล้านล้านบาท สูงกว่างบประมาณแผ่นดินประเทศ ปี 2569
16-12-2025
Money Metals รายงานว่า “ฮั่วเซ่งเฮง” รับดีมานด์ทองพุ่ง รายได้พุ่งแตะ 5 ล้านล้านบาท แซงงบประมาณแผ่นดินไทยปี 2026
กระแสความต้องการทองคำในประเทศไทยพุ่งแรงจนส่งผลให้รายได้ของบริษัทค้าทองรายใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างฮั่วเซ่งเฮง (Hua Seng Heng) มีแนวโน้มจะแตะระดับสูงกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2026 ของรัฐบาลไทยทั้งฉบับ สะท้อนบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์สะสมมูลค่าหลักของครัวเรือนท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำและตลาดหุ้นซบเซาในเอเชีย
รายงานอ้างข้อมูลว่าฮั่วเซ่งเฮงมีแนวโน้มทำรายได้เป็นประวัติการณ์ราว 5 ล้านล้านบาท (ประมาณ 156,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ สูงกว่าวงเงินงบประมาณปีงบประมาณ 2026 ของรัฐบาลไทยที่ระดับราว 3.8 ล้านล้านบาท แหล่งข่าวด้านการเงินมองว่าตัวเลขดังกล่าวสะท้อนทั้งปริมาณธุรกรรมค้าทองในประเทศที่สูงมาก และความเชื่อมั่นต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึง “จำนวนนักลงทุนรายย่อยชาวไทยที่หันมาใช้ทองคำเป็นเครื่องมือออมทรัพย์และรักษาความมั่งคั่ง” ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนไม่จูงใจ กระแสนี้ช่วยหนุนให้ภาวะตลาดทองคำโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมีดีมานด์จากเอเชียเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
นายธนรัตน์ พสวงศ์ (Tanarat Pasawongs) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า เดือนตุลาคมที่ผ่านมาอาจเป็นเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 75 ปีนับตั้งแต่บริษัทก่อตั้ง หลังราคาทองคำทะยานขึ้นทะลุ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมระบุว่า “มีสาขาบางแห่งต้องเปิดให้บริการถึงเกือบเที่ยงคืน และจำนวนผู้สมัครใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
นอกจากปัจจัยด้านผลตอบแทนทางการเงินแล้ว ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยจากมาตรการภาษีการค้าระหว่างประเทศยังเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนหันมาถือทองคำมากขึ้น ความตึงเครียดทางทหารที่ทวีความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ก็อาจมีส่วนเร่งให้ครัวเรือนเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
คนไทยมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับทองคำมาอย่างยาวนาน และมักมองทองคำในฐานะที่เก็บออมมูลค่าในชีวิตประจำวัน ธานรัตน์กล่าวว่า “สำหรับคนไทย การซื้อทองเมื่อมีเงินเก็บเพียงพอเป็นสิ่งที่ซึมซับมาตั้งแต่วัยเด็ก” ขณะที่บลูมเบิร์กระบุว่า “กระแสนี้ชี้ให้เห็นว่าทองคำซึ่งเป็นเครื่องมือออมแบบดั้งเดิมของคนไทย กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของความมั่งคั่งครัวเรือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น”
ในมุมผลตอบแทน ทองคำในรูปเงินบาทให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 10% ต่อปีในระยะยาว แต่ในปีที่แล้วผลตอบแทนพุ่งขึ้นถึงประมาณ 70% ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้คนจำนวนมากเข้ามาซื้อทองคำเพิ่มเติม ข้อมูลจากตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (TFEX) ระบุว่าความต้องการทองในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกราว 10% ในปีนี้ ขณะที่ข้อมูลจาก World Gold Council ชี้ว่าไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ความต้องการทองคำเติบโตต่อเนื่องสี่ปีซ้อนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
จีนและอินเดียยังคงเป็นสองประเทศผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก และมักได้รับความสนใจจากสื่อเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่านักลงทุนในประเทศเอเชียอื่น เช่น เวียดนาม เกาหลีใต้ และไทย ต่างเร่งเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเช่นกัน กระแสนี้มีส่วนช่วยพยุงตลาดทองคำให้เคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น แม้ในช่วงที่นักลงทุนสหรัฐฯ จำนวนไม่น้อยทยอยลดสัดส่วนการถือครองทองคำลง
สัญญาณจากตลาดทุนล่าสุดระบุว่า ดีมานด์ทองคำในเอเชียยังไม่มีทีท่าชะลอตัว กองทุน ETF ทองคำในภูมิภาคเอเชียเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าโดดเด่นที่สุดในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการทองคำในจีนฟื้นตัวอย่างชัดเจนในเดือนกันยายนและตุลาคม หลังชะลอลงเล็กน้อยในช่วงฤดูร้อน ด้านอินเดียก็รายงานความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลสำคัญของประเทศ ส่งผลให้เอเชียยังคงเป็นศูนย์กลางของดีมานด์ทองคำโลกในรอบขาขึ้นครั้งนี้
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.moneymetals.com/news/2025/12/11/thai-gold-dealer-reports-revenue-eclipsing-the-countrys-national-budget-004541